สำนักประมูลแห่งเมืองผู้ดีเผยถึงความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญว่าจะนำผ้าเช็ดปากที่เป็นเอกสารยืนยันว่า ลิโอเนล เมสซี่ ตกลงย้ายมาเป็นนักเตะของ บาร์เซโลน่า ในวัย 13 ปีออกประมูลในเดือนมี.ค.นี้โดยตั้งราคาประมูลเริ่มต้นเอาไว้ที่ 300,000 ปอนด์ (ราว 13.5 ล้านบาท)
เมสซี่ ดาวเตะทีมชาติ อาร์เจนติน่า ได้เข้ามาเป็นนักเตะของทีม บาร์เซโลน่า ในปี 2000 โดยเหตุการณ์คราวนั้น ฮอร์เก้ คุณพ่อของเขาเริ่มไม่แน่ใจว่าทีมยักษ์ของ ลา ลีกา ต้องการคว้าลูกชายของเขาเข้าสังกัดจริงหรือไม่ และส่งผลให้ คาร์เลส เรซัค ผู้อำนวยการกีฬาของถิ่น คัมป์นู ในยุคนั้นตัดสินใจใช้ผ้าเช็ดปากบนโต๊ะอาหารร่างสัญญาขึ้นเพื่อเป็นหลักประกันให้บุพการีของดาวเตะเลือดฟ้าขาวอุ่นใจ
มีการเปิดเผยว่าการเซ็นสัญญาคราวนั้นประกอบไปด้วยลายเซ็นของ เรซัค , โจเซฟ มิงเกย่า ที่ปรึกษาผู้พา เมสซี่ มาจากบ้านเกิด และ โอราซิโอ กักจิโอลี่ เอเจนต์ชาวอาร์เจนไตน์ซึ่งเป็นคนกลางในการทำสัญญาโดยผ้าเช็ดปากผืนนี้ตกอยู่ในความครอบครองของ กักจิโอลี่ ซึ่งเขาเก็บรักษาเอาไว้ที่ห้องนิรภัยใน อันดอร์ร่า ก่อนจะยินยอมให้นำออกประมูลในที่สุด
"นี่คือหนึ่งในสิ่งของที่น่าทึ่งที่สุดเท่าที่ผมได้รับมอบ" เอียน เอห์ลิง หัวหน้าสำนักประมูล โบแน่มส์ สาขานิวยอร์กเผยเมื่อ 31 ม.ค.
"ใช่ มันเป็นผ้าเช็ดปาก แต่มันมีความสำคัญต่ออาชีพของ เมสซี่ มันเปลี่ยนชีวิตของ เมสซี่ เปลี่ยนอนาคตของ บาร์เซโลน่า และสร้างโมเมนต์มากมายให้กับแฟนบอลหลายพันล้านคนทั่วโลก"
ด้าน เรซัค เคยเผยกับ อีเอสพีเอ็น เมื่อปี 2020 ในวาระครบรอบ 20 ปีการเซ็นสัญญากับ เมสซี่ ว่าการลงนามเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.2000 ที่สโมสรเทนนิสของ บาร์เซโลน่า
"ทำไมต้องเป็นผ้าเช็ดปาก? เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่ผมมีอยู่ในมือตอนนั้น ผมร้องขอจากบริกร และผมเขียนว่า "ที่ บาร์เซโลน่า 14 ธ.ค.2000 ในนามของมิสเตอร์ มิงเกย่า และ โอราซิโอ , คาร์เลส เรซัค ผู้อำนวยการกีฬาของ บาร์เซโลน่า นี่คือข้อตกลงร่วมกันในการเซ็นสัญญากับ ลิโอเนล เมสซี่"
"ผมบอกกับ ฮอร์เก้ ว่าผมลงลายเซ็นแล้ว และมีพยานรู้เห็น ผมเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง"
จนในที่สุด เมสซี่ ก็กลายมาเป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ บาร์เซโลน่า จากการลงสนาม 778 นัด และยิงได้ 672 ประตูมากกว่านักเตะทุกคนของสโมสร
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลา 20 ปีกับ บาร์ซ่า เมสซี่ ได้แชมป์ ลา ลีกา 10 ครั้ง , แชมป์ โกปา เดล เรย์ 7 ครั้ง และแชมป์ แชมเปี้ยนส์ลีก 4 ครั้ง ก่อนย้ายไปค้าแข้งกับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง และตามด้วย อินเตอร์ ไมอามี่ ในปัจจุบัน