หลังจาก คาริม เบนเซม่า ดาวยิงชาวฝรั่งเศสประกาศอำลา เรอัล มาดริด แฮร์รี่ เคน หัวหอกทีม สเปอร์ส ก็ตกเป็นข่าวกับ ราชันชุดขาว ทันที
ดิ แอธเลติก ระบุว่า คาร์โล อันเชล็อตติ นายใหญ่ทีมดังของ ลา ลีกา แสดงเจตนารมณ์ต้องการคว้า เคน มาล่าตาข่ายแทน เบนเซม่า แม้สังเวียนแข้ง ซานติอาโก้ เบร์นาเบว กำลังจะได้ต้อนรับ จู๊ด เบลลิ่งแฮม พ่อค้าแข้งอิงลิชอีกรายจากทีม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ก็ตาม
ถึงขณะนี้ ดาวยิงวัย 29 ปีประกาศศักดาผงาดเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของทีมชาติ อังกฤษ ไปแล้ว แถมเหลือสัญญากับ ไก่เดือยทอง จนจบซีซั่นหน้าเท่านั้น เขาจึงตกเป็นเป้าหมายของ แมนฯ ยูไนเต็ด
กระนั้นก็ดี หลังจาก เบนเซม่า ส่อท่าว่าจะย้ายไปขุดทองในลีก ซาอุดิ อาระเบีย ร้านรับพนันของเมืองผู้ดีก็ตัดสินใจปรับอัตราต่อรองให้ เรอัล มาดริด เขี่ย แมนฯ ยูไนเต็ด หล่นลงไปเป็นเต็งสาม ขณะที่โอกาสรับใช้ สเปอร์ส ต่อไปของ เคน รั้งเต็งหนึ่งจากเรตล่าสุดเนื่องจากคาดกันว่า แดเนี่ยล เลวี่ ประธานทีมดังแห่งกรุงลอนดอนไม่คิดขายดาวยิงคนสำคัญทิ้งแม้สโมสรจะได้เงินหลัก 100 ล้านปอนด์ก็ตาม
ประกอบกับเชื่อกันว่า เคน อยากเล่นใน พรีเมียร์ลีก ต่อไปเพื่อทำลายสถิติดาวซัลโวของ อลัน เชียเรอร์ แต่ในกรณีที่ สเปอร์ส ตัดสินใจขายเขาโดยไม่หวังเสียไปแบบฟรีๆในซีซั่นหน้า เลวี่ ก็หวังส่งเขาออกนอกประเทศมากกว่าที่จะยื่นดาบให้กับทีมร่วมลีก
จะอย่างไรก็ตาม ก่อนจะได้ลุ้นอนาคตของ เคน กันว่าจะลงเอยแบบไหนกันแน่ นี่คือ 6 นักเตะบริติชที่เคยค้าแข้งกับ เรอัล มาดริด มาแล้ว
- แกเร็ธ เบล
แม้จะถูกกระแนะกระแหนมาโดยตลอดจากการแสดงออกถึงความคลั่งไคล้กีฬากอล์ฟ แต่ เบล ประสบความสำเร็จกับ เรอัล มาดริด มากไม่แพ้ใคร
หลังย้ายออกจาก สเปอร์ส เมื่อปี 2013 ด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติโลกในเวลานั้น ดาวเตะทีมชาติ เวลส์ สร้างชื่อด้วยการยิงประตูสำคัญให้กับ ราชันชุดขาว บ่อยครั้งแม้จะไม่อาจเอาชนะใจแฟนบอลสแปนิชได้แบบเต็มร้อยก็ตาม
อย่างไรก็ดี เบล ได้แชมป์ แชมเปี้ยนส์ลีก กับ เรอัล มาดริด มากถึงห้าสมัยก่อนย้ายไปแขวนเกือกกับ แอลเอ เอฟซี โดยปัจจุบันเจ้าตัวสามารถเดินสายตระเวณเล่นกอล์ฟตามใจชอบได้แบบเต็มคาราเบลแล้ว
- โจนาธาน วู้ดเกต
นับเป็นหนึ่งในพ่อค้าแข้งที่ประเดิมสนามกับต้นสังกัดใหม่ได้อย่างเลวร้ายที่สุด และเป็นการเซ็นสัญญาที่น่าตกตะลึงที่สุดเช่นกัน
เซ็นเตอร์ฮาล์ฟทีม นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ถูก เรอัล มาดริด คว้าตัวไปร่วมทีมอย่างน่าช็อกเนื่องจากในขณะนั้นเขาล้มเจ็บอยู่ และในที่สุด ราชันชุดขาว ก็นำเขาไปเยียวยาตลอดหนึ่งซีซั่นเต็มๆก่อนที่พ่อค้าแข้งอิงลิชจะลงบู๊ได้ในซีซั่นต่อมา
และแน่นอนว่าในเกมปะทะกับ บิลเบา วู้ดเกต สร้างชื่อในทางลบทั้งสกัดบอลเข้าประตูตัวเอง และโดนไล่ออกจากการรับสองใบเหลือง แต่ เรอัล มาดริด ซึ่งเหลือสิบคนยังกำชัยได้ 3-1
เท่านั้นไม่พอ เจ้าตัวมีปัญหาล้มเจ็บแทบตลอดทั้งซีซั่น 2005/06 อีกด้วย สุดท้ายจึงถูกโละให้กับ มิดเดิ้ลสโบรช์ สโมสรที่เขาเคยสังกัดสมัยเป็นนักเตะระดับเยาวชนในปี 2006
กระทั่งปี 2007 วู้ดเกต ก็ได้รับเสียงโหวตจากแฟนบอลสแปนิชให้เป็นการเซ็นสัญญาที่เลวร้ายที่สุดแห่งศตวรรษที่ 21 จากการประกาศของ มาร์ก้า
- ไมเคิ่ล โอเว่น
ย้ายไปเป็นหนึ่งใน กาลาคติกอส ของสังเวียนแข้ง ซานติอาโก้ เบร์นาเบว ร่วมทีมเดียวกันกับซูเปอร์สตาร์อย่าง โรนัลโด้ , โรแบร์โต้ คาร์ลอส , ราอูล , หลุยส์ ฟิโก้ , ซีเนดีน ซีดาน และ เดวิด เบ็คแฮม
แต่เป็นเพราะต้องแย่งตำแหน่งกับ ราอูล และ โรนัลโด้ กองหน้าทีมชาติ อังกฤษ จึงนั่งเป็นตัวสำรองโดยส่วนใหญ่
รวมเวลาหนึ่งซีซั่นกับ ราชันชุดขาว เจ้าของนิคเนม "เบบี้โกล" สอยตาข่ายได้ 16 ประตูจาก 45 นัดในทุกรายการโดยเขาได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริง 26 นัดซึ่งถือเป็นสถิติที่ไม่เลวเลยเมื่อคำนวณจากนาทีที่ได้อยู่ในสนาม
แต่ด้วยเหตุที่ได้ลงเล่นไม่มากพอ หัวหอกฉบับกระเป๋าจึงตัดสินใจย้ายกลับบ้านเกิดโดยเซ็นสัญญากับ นิวคาสเซิ่ล ในปี 2005
- เดวิด เบ็คแฮม
สตาร์ทีมชาติ อังกฤษ ถูก แมนฯ ยูไนเต็ด เสนอขายให้กับ บาร์เซโลน่า แต่สุดท้ายเขาเลือกเซ็นสัญญากับ เรอัล มาดริด ทีมคู่แข่งร่วมลีกด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์ในช่วงซัมเมอร์ปี 2003
เป็นที่ตั้งข้อสังเกตว่า ราชันชุดขาว ดึง เบ็คแฮม มาร่วมทัพเพื่อโกยเงินจากการขายเสื้อเป็นหลักเนื่องจากกัปตันทีม สิงโตคำราม ไม่ได้แชมป์กับทีมดังของลีกกระทิงดุเลยตลอดสามซีซั่นแรกโดยกุนซือหลายรายของทีมไม่อาจรีดฟอร์มเก่งของเขาออกมาได้
จนในที่สุด ฟาบิโอ คาเปลโล่ นายใหญ่อิตาเลี่ยนก็ย้ายมากุมบังเหียนถิ่น เบร์นาเบว ในซีซั่น 2006/07 และส่งผลให้ เบ็คแฮม ได้แชมป์รายการแรกกับทีมเนื่องจาก เรอัล มาดริด ซิวแชมป์ ลา ลีกา ไปครองในซีซั่นดังกล่าว
รวมเบ็ดเสร็จตลอดสี่ซีซั่น ปีกขวาหน้ามนลงสนามให้กับทีมชุดขาว 155 นัด และยิงได้ 20 ประตูก่อนย้ายไปหากินใน เมเจอร์ลีกซ็อคเกอร์ กับทีม แอลเอ แกแลคซี่ ในปี 2007
- สตีฟ แม็คมานามาน
หลังประสบความสำเร็จกับ ลิเวอร์พูล แม็คก้า ก็ย้ายมาค้าแข้งในลีกกระทิงดุในยุคของ กุส ฮิดดิ้ง แบบไม่มีค่าตัวในปี 1999 และได้ถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ตั้งแต่ซีซั่นแรกโดยปีกร่างบางซิวรางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ด้วยจากการซัดหนึ่งประตูพาทีมขยี้ บาเลนเซีย 3-0 ในเกมชิงชนะเลิศ
การย้ายมาของ หลุยส์ ฟิโก้ ในซีซั่นต่อมาทำให้โอกาสได้ลงสนามของ แม็คมานานมาน ลดน้อยลงไป แต่เขายังเป็นกำลังเสริมที่ดี และเป็นตัวทีเด็ดที่ยิงประตูปิดกล่องพาทีมบุกไปสยบ บาร์เซโลน่า 2-0 ในรอบตัดเชือกถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก นัดแรกที่ คัมป์นู โดยปีนั้น (2001/02) สตาร์ชาวเมืองผู้ดีได้โทรฟี่หูใหญ่เป็นสมัยที่สองกับสโมสร
- ลอรี่ คันนิ่งแฮม
ปีกซ้ายผิวสีได้ชื่อว่าเป็นนักเตะอังกฤษคนแรกที่ได้ค้าแข้งกับ เรอัล มาดริด โดยเขาย้ายจาก เวสต์บรอมวิช ในปี 1979
ในฐานะปีกที่มีทักษะการยิงประตูที่ดี คันนิ่งแฮม ระเบิดฟอร์มคลำเป้าได้สองตุงตั้งแต่แมตช์ประเดิมสนาม และพาทีมคว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้ตั้งแต่ซีซั่นแรกทั้ง ลา ลีกา และ โกปา เดล เรย์
ได้รับฉายา "ไข่มุกดำ" ในทีม เรอัล มาดริด เนื่องจากแฟนบอลโปรดปรานสไตล์การเล่นของเขา แต่อาการบาดเจ็บบ่อยครั้ง ประกอบกับการนิยมท่องราตรีส่งผลกระทบต่ออาชีพการค้าแข้งของเขาไม่น้อย
ย้ายออกจาก เบร์นาเบว ในปี 1983 และค้าแข้งกับหลายสโมสรแค่ระยะสั้นๆทั้ง มาร์กเซย์ , เลสเตอร์ , ราโย บาเยกาโน่ , ชาร์เลอรัว , วิมเบิลดัน ก่อนกลับสู่ ราโย บาเยกาโน่ อีกทีมในกรุงมาดริดเป็นคำรบสอง
แต่แล้วมันกลับเป็นต้นสังกัดสุดท้ายในชีวิตของเขาเนื่องจาก คันนิ่งแฮม เสียชีวิตจากเหตุรถชนวันที่ 15 ก.ค. 1989 ขณะมีอายุแค่ 33 ปี