นิวคาสเซิ่ล ได้ประตูแบบมีประเด็นในเกมที่เฉือน เบอร์มิงแฮม หลังยังไม่ชัดเจนว่าบอลข้ามเส้นเข้าไปทั้งใบแล้วรึเปล่า
นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ได้ประตูแบบมีประเด็น ในเกม เอฟเอ คัพ รอบ 4 นัดที่พวกเขาบุกไปชนะ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ สโมสรจาก ลีก วัน 3-2
ประตูดังกล่าวเป็นลูกที่ "สาลิกาดง" ไล่ตีเสมอเป็น 1-1 โดย โจ วิลล็อค ยิงไปติดเซฟของ เบลี่ย์ พีค็อค-ฟาร์เรลล์ ผู้รักษาประตู เบอร์มิงแฮม ก่อนที่จะพยายามซ้ำจนยิงข้ามคาน ซึ่งตอนแรกเจ้าตัวมีท่าทีเสียดายสุดๆ อย่างไรก็ตาม ทีมผู้ตัดสินมองว่าบอลมันข้ามเส้นเข้าไปทั้งใบแล้ว จนตัดสินให้ เบอร์มิงแฮม ได้ประตู
ที่จริงในศึก เอฟเอ คัพ มีการอนุมัติให้ใช้เทคโนโลยี โกล์ ไลน์ ได้ในทุกรอบ เพียงแต่จะใช้ได้เฉพาะในเกมที่แข่งกันในสนามของทีมจาก พรีเมียร์ลีก และ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ เท่านั้น
ทั้งนี้ เบอร์มิงแฮม เพิ่งตกชั้นมาจาก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ตอนจบฤดูกาล 2023-24 ทำให้ถ้าว่ากันตามหลักการแล้วนั้นสนามของพวกเขาก็น่าจะยังดีพอสำหรับการรองรับการใช้เทคโนโลยี โกล์ ไลน์
นี่เป็นวันที่ 2 ติดต่อกันที่เกิดปัญหาในศึก เอฟเอ คัพ รอบ 4 เพราะก่อนหน้านี้ แมนยูไนเต็ด เพิ่งได้ประตูที่เหมือนจะมาจากจังหวะล้ำหน้าในเกมที่ชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ โดยกรณีของ "ปีศาจแดง" มันเพิ่งมีการเปลี่ยนกฎในฤดูกาลนี้ว่าจะมีการใช้ วีเออาร์ เฉพาะตั้งแต่รอบ 5 เป็นต้นไปเท่านั้น
ด้าน คีธ แฮ็คเก็ตต์ อดีตผู้ตัดสินชาวอังกฤษ มองว่ามันไม่ถูกต้องที่เกมฟุตบอลระดับนี้ใช้ตัดสินด้วยการคาดเดาจากกรรมการ "มันอุตส่าห์มีการเกลี้ยกล่อม พรีเมียร์ลีก และ ฟีฟ่า ให้ใช้ โกล์ ไลน์ เทคโนโลยี มาอย่างยาวนาน ดังนั้นผมเลยไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงไม่มีการใช้เทคโนโลยีที่ว่าในเกมระหว่าง เบอร์มิงแฮม ซิตี้ กับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด"
"ระบบ ฮอว์คอาย มันทำให้ผู้ตัดสินไม่จำเป็นต้องคาดเดาว่าบอลข้ามเส้นเข้าไปแล้วทั้งใบหรือไม่ ประตูแรกของ นิวคาสเซิ่ล มันเกิดจากการเดาเอาเอง และในเกมระดับสูงน่ะมันไม่ควรจะเกิดเรื่องแบบนั้น"