ลุ้นทริปเบิ้ลแชมป์ กับดับเบิ้ลแชมป์ถ้วย! 5 ประเด็นเด็ดก่อนเกมนัดชิง เอฟเอ คัพ

ลุ้นทริปเบิ้ลแชมป์ กับดับเบิ้ลแชมป์ถ้วย! 5 ประเด็นเด็ดก่อนเกมนัดชิง เอฟเอ คัพ
มหาศึกฟุตบอลเอฟเอ คัพ ที่สนามเวมบลีย์ ในรอบชิงชนะเลิศ วันเสาร์ที่ 3 มิถุนายนี้ ถือเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากๆ เพราะเป็นการพบกันครั้งแรกในนัดชิงรายการนี้ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องบอกเลยว่าเป็นเกมที่น่าตื่นเต้นมากๆ เพราะ "เรือใบสีฟ้า" ต้องการโทรฟี่นี้มากๆ เพื่อสานต่อการลุ้นทริปเบิ้ลแชมป์ ขณะที่ "ผีแดง" ก็อยากได้เพราะจะเป็นการคว้าแชมป์รายการที่สองในยุคเอริค เทน ฮาก และยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับทีมเพื่อสานฝันการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในฤดูกาลหน้า

1. สานฝันสู่ประวัติศาสตร์ 3 แชมป์

แฟนบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มักโดนสาวก "เร้ด อาร์มี่" ข่มมาตลอดเพราะความสำเร็จของพวกเขาช่างน้อยนิด แต่หลังจาก ชีคห์ มานซูร์ เข้ามาบริหารทีมพวกเขาก็ค่อยๆ ก้าวขึ้นมาครอบครองความยิ่งใหญ่ในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มากุมบังเหียนพวกเขาสามารถคว้าแชมป์ลีก 5 สมัยจาก 6 ฤดูกาล ที่สำคัญการคว้าแชมป์ซีซั่นล่าสุดทำให้ "เรือใบสีฟ้า" คว้าแชมป์สามสมัยติดต่อกัน อย่างไรก็ตามฤดูกาล 2022/2023 แมนฯ ซิตี้ มีโอกาสที่จะทาบความยิ่งใหญ่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อทีมมีลุ้นทริปเบิ้ลแชมป์ และถ้าหาก เป๊ป แอนด์ โค. สามารถทำสำเร็จนั่นหมายความว่าทัพ "สำเภาทอง" จะก้าวขึ้นมาทาบรัศมี "ผีแดง" ยุคเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่คว้าทริปเบิ้ลแชมป์เมื่อปี 1999 

2. เทน ฮาก ลุ้น 2 แชมป์ซีซั่นแรกกับ "ผีแดง"

ตอนที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นกุนซือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บรรดาเกจิลูกหนังไม่ค่อยเชื่อน้ำยาของ เอริค เทน ฮาก มากนัก ยิ่งตอนที่เปิดซีซั่นแพ้ 2 เกมรวดทำให้หลายคนฟันธงว่าอนาคตของเขาคงไม่น่าจะเกินช่วงเดือนธันวาคม แต่หลังจากที่เอาชนะ ลิเวอร์พูล ทุกอย่างก็ค่อยๆ ดีวันดีคืน ทั้งฟอร์มการเล่น, สไตล์การบุก, เกมรับที่เหนียวแน่น ที่สำคัญสปิริตแบบแมนฯ ยูไนเต็ด ที่สาวก "เร้ด อาร์มี่" ไม่ได้เห็นมานานนับตั้งแต่ "ป๋า" อำลาสโมสร หวนกลับคืนมาอีกครั้ง กระนั้นด้วยความที่เพิ่งทำงานซีซั่นแรก ทำให้ฟอร์มของทีมอาจจะยังขาดความคงเส้นคงวาไปบ้าง แต่สุดท้ายเขาสามารถนำทีมคว้าแชมป์คาราบาว คัพ และจบอันดับ 3 ในลีก คว้าตั๋วลุยศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ตามเป้าหมาย ที่สำคัญทีมยังมีลุ้นแชมป์เอฟเอ คัพ อีกรายการ ต้องบอกว่า กุนซือชาวดัตช์ ประสบความสำเร็จอย่างสูงกับการทำงานในฤดูกาลแรกให้ "ปีศาจแดง" ยิ่งถ้าหากเขาคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยเก่าแก่ที่สุดในโลกได้ถือเป็นความสำเร็จเกินเป้า พร้อมโบนัสขัดขวาง แมนฯ ซิตี้ ไม่ได้ได้ลุ้นทริปเบิ้ลแชมป์ด้วย !!

3. สองยอดทีมเมืองแมนเชสเตอร์ ดวลกันนัดชิงครั้งแรก เอฟเอ คัพ

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด ทั้งสองทีมมีแฟนบอลในเมืองพอๆ กัน แต่ความสำเร็จของ "เรือใบสีฟ้า" ต่างจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ราวฟ้ากับเหว แม้ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แมนฯ ซิตี้ อาจจะประสบความสำเร็จมากกว่าแต่ก็ยังห่างไกลกับ แมนฯ ยูฯ หลายเท่าตัว ฉะนั้นทุกๆ โทรฟี่ที่ทีมของกุนซือเป๊ป กวาร์ดิโอล่า มีโอกาสประสบความสำเร็จพวกเขาต้องพยายามคว้าให้ได้ ยิ่งในวันเสาร์นี้ถือเป็นแชมป์ที่มีความสำคัญมากๆ เพราะนี่คือการชิงชัยฟุตบอลถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดในโลก และยังเป็นนัดชิงเอฟเอ คัพ ครั้งแรกในรอบ 151 ปีที่สองทีมเมืองแมนฯ ต้องปะทะกันที่สนามเวมบลีย์ และถ้าหากทีมใดได้แชมป์บอกเลยว่าแฟนบอลของพวกเขาสามารถพูดบลัฟ พูดขิง ได้อีกหลายปีจริงๆ 

4. ขุมกำลัง ซิตี้, ยูไนเต็ด เป็นยังไง

สำหรับตอนนี้ต้องบอกว่า แมนฯ ซิตี้ มีขุมกำลังที่ค่อนข้างแข็งแกร่งเหลือเกิน เพราะบรรดานักเตะที่มีปัญหาบาดเจ็บในช่วงที่ผ่านมาตอนนี้มีโอกาสเกือบร้อยเปอร์เซนต์ที่จะได้ลงสนาม โดยเฉพาะ  เควิน เดอ บรอยน์ รูเบน ดิอาส และ แจ็ค กรีลิช ที่ลงซ้อมกับทีมได้เป็นอย่างดี และมีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะเล่นในแมตช์นี้ ส่วนในตำแหน่งผู้รักษาประตู เป๊ป ยืนยันว่าเป็นโควตาของมือ 2 ด้วยเหตุนี้ ออร์เตก้า โมเรโน่ จะได้เฝ้าเสาตัวจริงโดยที่ เอแดร์ซอน นั่งตบยุงในซุ้มม้านั่งสำรอง ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องเจอกับปัญหาใหญ่เพราะ อันโตนี่ และ อองโตนี่ มาร์กซิยาล หมดสิทธิ์ที่จะได้ลงสนาม กระนั้น "ผีแดง" ยังพออุ่นใจเรื่องเกมรับเนื่องจาก ราฟาเอล วาราน สามารถกลับมาปักหลักเป็นเสาหลักในแผงแบ็กโฟร์ ส่วนแนวรุก มาร์คัส แรชฟอร์ด ฟิตเต็มสูบพร้อมลงตะบันตาข่ายคู่อริร่วมเมือง ส่วนคนที่จะมาเล่นริมเส้นน่าจะเป็น เจดอน ซานโช่ กับ อเลฮานโดร การ์นาโช่ 

5. วัดความคม ฮาลันด์ กับ แรชฟอร์ด

เรื่องความฮอตในการถล่มประตูคงหนีไม่พ้น เออร์ลิง ฮาลันด์ โดยเขาตะบันไปถึง 52 ประตูจากการเล่น 51 เกมในทุกรายการ โดยในลีกซัดไป 36 ลูก ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ ดาวเตะชาวนอร์เวย์ ถึงได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมและดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งซีซั่นของพรีเมียร์ลีก รวมทั้งแข้งยอดเยี่ยมสมาคมผู้สื่อข่าวฟุตบอลอังกฤษ (เอฟดับเบิ้ลยูเอ) แน่นอนว่าความร้อนแรงของเขาคงทำให้แผงหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องจับตามองแบบไม่วางตัว เพราะหากเผลอแค่แป๊บเดียวมีสิทธิ์ที่เขาจะกระทุ้งประตูได้ทันทีไม่ว่าจะเป็นลูกยิง, ลูกโหม่ง หรือลูกพิศดาร เจ้าตัวกินทำได้หมด ขณะที่ แมนฯ ยูฯ ต้องพึ่งพา มาร์คัส แรชฟอร์ด ผลงานอาจไม่ได้เปรี้ยงปร้างเท่า ฮาลันด์ แต่ก็ไม่ขี้เหร่ สถิติตะบันไป 30 ประตูในทุกรายการซีซั่นนี้ต้องบอกว่าไม่ธรรมดา ที่สำคัญความเร็วของเจ้าตัวจะสร้างปัญหาให้กับกองหลัง "เรือใบสีฟ้า" อย่างแน่นอน อย่าลืมว่าถ้าหาก "ดร.แรชชี่" เล่นได้เข้าฟอร์ม บอกเลยว่าเจ้าตัวยิงโคตรเฉียบคม 

ทอมเม้ง


ที่มาของภาพ : gettyimages,
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport