เอริค เทน ฮาก นายใหญ่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงนำทีมทำผลงานติดลมบน ล่าสุดเปิดบ้านจัดการดับ เอฟเวอร์ตัน 3-1 ในศึกเอฟเอ คัพ รอบ 3 เมื่อวันศุกร์ที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา โดยแมตช์นี้ มาร์คัส แรชฟอร์ด โชว์ฟอร์มแจ่มจรัสอีกเกม และมีส่วนร่วมทั้งสามประตูของทีม ขณะที่ ดาบิด เด เคอา ผู้รักษาประตูชาวสแปนิช เล่นพลาดจนทำให้ทีมโดนยิงประตู ส่วน แฟร้งค์ แลมพาร์ด ดูเหมือนเก้าอี้กุนซือของเขาชักสั่นคลอนมากยิ่งขึ้น เพราะการแพ้ในเกมนี้น่าจะทำให้บอร์ดบริหาร "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" คงจะทำอะไรบางอย่างในเร็วๆ นี้แน่นอน
1. ฟอร์มในบ้านสุดแกร่ง
ตอนนี้ เทน ฮาก สร้าง แมนฯ ยูไนเต็ด ให้กลายเป็นทีมที่แข็งแกร่งอย่างมาก โดยเฉพาะการเล่นในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด พวกเขาเป็นทีมที่สะกดคำว่าแพ้และเสมอไม่เป็น โดยตอนนี้สามารถสร้างสถิติคว้าชัยชนะ 8 เกมรวดในทุกรายการ
สิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนสำหรับขุนพล "ผีแดง" ก็คือพวกเขาเล่นด้วยความมั่นใจเวลาที่ได้เล่นใน "โรงละครแห่งความฝัน" แม้บางช่วงเวลาอาจจะโดน เอฟเวอร์ตัน กดดันแต่ก็สามารถเอาตัวรอดไปแล้ว
ขณะเดียวกันสไตล์การเล่นที่ดุดันวิ่งสู้ฟัด และจังหวะการเล่นสวนกลับที่รวดเร็วเฉียบคม ทำให้ แมนฯ ยูฯ กลายเป็นทีมที่ครบเครื่องอย่างยิ่ง ซึ่งสามารถสร้างโอกาสในการทำประตูได้ตลอดเวลา
สำหรับตอนนี้บรรดาสาวก "เร้ด อาร์มี่" คงมีความสุขที่สุดที่ได้ชมเกมทีมรักในบ้านของพวกเขา และแสดงผลงานชั้นยอดออกมา หลังจากที่ไม่ได้เห็นมานานนับตั้งแต่ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน วางมือ ตอนนี้ถ้าจะบอกว่าแฟนผีโปรเจ็กต์ไม่ฝันถึงโทรฟี่แชมป์คงไม่มีใครเชื่อแน่นอน !!!
2. เด เคอา พาเพลิน
แม้ว่า ดาบิด เด เคอา จะโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในช่วงที่ผ่านมา แต่บางครั้งเขาก็ทำพลาดแบบไม่น่าจะเกิดขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าความผิดพลาดแบบนั้นมีสิทธิ์ที่จะสร้างความเสียหายให้กับต้นสังกัดเลยทีเดียว
จังหวะที่โดนตีเสมอแทบจะไม่มีอะไรอันตรายเลย แต่ นายทวารชาวสแปนิช ทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากเมื่อปล่อยให้บอลลอดขาหน้าตาเฉย จนสุดท้ายโดนลงโทษ คอเนอร์ โคดี้ จัดการเผด็จศึกแบบง่ายๆ สบายๆ
นี่คือเหตุผลสำคัญที่ว่าทำไม เทน ฮาก ถึงต้องการผู้รักษาประตูคนใหม่ เพราะนอกจากจะนำมาเป็นยางอะไหล่แล้ว แต่ก็อาจจะเป็นการกดดัน เด เคอา เพื่อรีดฟอร์มเก่งของเขาออกมาอีกครั้ง กระนั้นหาก นายด่านเลือดกระทิง ฟอร์มหลุดแบบนี้อีก มีสิทธิ์ที่จะโดนจับนั่งสำรองได้เลย
งานนี้การเซ็นสัญญากับ แจ็ค บัตแลนด์ ช่วงตลาดซื้อขายนักเตะรอบ 2 เดือนมกราคมนี้ น่าจะส่งผลดีต่อการสร้างแรงกระตุ้นให้กับ เด เคอา ในการปรับปรุงแก้ไขการเล่นที่ผิดพลาดให้ลดน้อยลง หรือไม่ให้เกิดขึ้นอีกเลย เพราะหากทำแบบนี้อีก อาจโดนดร็อปได้ทันที
3. แรชฟอร์ด แรงเร็วทะลุเพดาน
นับตั้งแต่ที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แยกทางกับสโมสร ตอนนี้บรรยากาศภายในทัพ "ผีแดง" ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่กลายเป็นกองหน้าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ และกล้าเล่นมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
หัวหอกหมายเลข 10 โชว์ฟอร์มได้โดดเด่นมาตลอดในซีซั่นนี้ และยิงประตูเป็นกรอบเป็นกำ ที่สำคัญเขายังมีส่วนร่วมกับทั้งสามประตูที่ทีมตะบันใส่ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" เอฟเวอร์ตัน ด้วย
ประตูแรกมาจากการทำแอสซิสต์ให้ อันโตนี่ ขณะที่ประตูที่สองเกิดขึ้นเลี้ยงจี้จนถึงเส้นหลังก่อนจะปาดบอลไปโดน คอเนอร์ โคดี้ เข้าประตูตัวเอง และประตูตอกฝาโลงมาจากการซัดจุดโทษที่แสนเยือกเย็น
ตอนนี้ "ดร.แรชชี่" กลายเป็นนักเตะแมนฯ ยูฯ คนแรกที่ยิง 7 ประตูจาก 7 เกมในบ้านติดต่อกันในทุกรายการ นับตั้งแต่ที่ เวย์น รูนี่ย์ ทำได้ในช่วงระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน 2012 และยังกดให้ต้นสังกัดไปแล้ว 106 ประตูด้วย
4. อนาคต แลมพาร์ด ชักมืดมิด
แม้ว่านักเตะเอฟเวอร์ตันจะสู้ด้วยสปิริตที่ยอดเยี่ยม และพยายามไล่บี้กับเจ้าบ้านอย่างเต็มที่ก็ตาม แต่ด้วยขุมกำลังที่ด้อยกว่าทำให้พวกเขาไม่สามารถต่อกรดับ "ปีศาจแดง" ที่ตอนนี้เต็มไปด้วยความมั่นใจสุดๆ
สถานการณ์ของ แฟร้งค์ แลมพาร์ค ในเวลานี้เหมือนกับคนยืนอยู่บนปากเหว แค่โดนลมพัดก็แทบจะร่วงตกเหวอยู่แล้ว ฉะนั้นอนาคตของ "แลมพ์ส" แทบไม่มีความมั่นคงอีกต่อไปแล้ว ดีไม่ดีอาจจะมีข่าวใหญ่หลังจบเกมที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เลยก็ได้ !!
แน่นอนว่าหากมองด้วยสายตา เอฟเวอร์ตัน โชว์ฟอร์มได้ดี แต่สิ่งที่ขาดหายไปก็คือความคงเส้นคงวา และการจบสกอร์ที่ไม่ค่อยเฉียบคม บอกตามตรงถ้าหากแนวรุกของทีมเยือนมีความดุดันมากกว่านี้ ผลการแข่งขันน่าจะออกมาตื่นเต้นสุดๆ
จากสถานการณ์ที่ร่วงตกรอบเอฟเอ คัพ และผลงานในศึกพรีเมียร์ลีก ก็มีแต่สาละวันเตี้ยลงจนตอนนี้หล่นไปอยู่อันดับ 18 ซึ่งเป็นโซนตกชั้น เชื่อว่าคงจะมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในอีกไม่กี่วันนี้แน่นอน
5. แนวรับเปราะบางไปหน่อย
ไม่มีใครปฏิเสธว่าแนวรุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ยุค เทน ฮาก เล่นได้ทั้งมันทั้งสนุก และตื่นเต้นเร้าใจ ซึ่งงานนี้ต้องยกเครดิตให้กับ กุนซือชาวดัตช์ แต่สำหรับแนวรับเป็นจุดที่เห็นได้ชัดว่าทีมต้องรีบแก้ไขอย่างเร่งด่วน
หลายครั้งที่ เอฟเวอร์ตัน อาศัยการเล่นบอลยาวด้วยการโยนใส่แผงแบ็กโฟร์ของเจ้าบ้านซึ่งมักจะรับมือไม่ค่อยได้ ทำให้ทีมเยือนมีโอกาสสร้างความหวาดเสียวอยู่บ่อยๆ ซึ่งแน่นอนว่าหากพวกเขามีความเฉียบคมสกอร์คงไม่ได้อยู่เพียงแค่ 1 ลูก
นักเตะของ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" ที่ควรได้รับคำชมอย่างมากก็คือ เดมาไร เกรย์ ซึ่งใช้ความเร็ว และความสามารถเฉพาะตัวเล่นงาน ราฟาแอล วาราน และ ดีโอโก้ ดาโลต์ ได้ตลอดทั้งเกม ทุกครั้งที่บอลอยู่ในเท้าของเขา บอกเลยว่ากองหลัง "ผีแดง" ต้องปวดหัวกันเลยทีเดียว
ตอนนี้ กุนซือชาวดัตช์ คงเห็นแล้วว่านี่เป็นอีกจุดที่ทำให้เขาต้องรีบหาทางแก้ไขโดยด่วน เพราะอีกไม่กี่สัปดาห์พวกเขาจะต้องปะทะกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และอาร์เซน่อล ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสองทีมที่เกมรุกสุดโหด งานนี้หากแนวรับยังเล่นได้แค่นี้ มีสิทธิโดนถลุงยับเยินแหงๆ
ทอมเม้ง