แมนยู พบ เรอัล โซเซียดาด! 5 ข้อผีสุดแกร่งถ้วยยูโรปา-แฟร์นันด์ส สร้างสถิติ

แมนยู พบ เรอัล โซเซียดาด! 5 ข้อผีสุดแกร่งถ้วยยูโรปา-แฟร์นันด์ส สร้างสถิติ
แมนยู ยังไปได้สวยในการทำศึก ยูโรปา ลีก เมื่อล่าสุดพวกเขาทะยานเข้ารอบแปดทีมไปรอดวลกับ ลียง เป็นผลสำเร็จจากการเปิดบ้านขยี้ เรอัล โซเซียดาด กระเจิง 4-1 ในการฟาดแข้งรอบ 16 ทีมนัดสองเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 มี.ค.รวมสองนัด ผีแดง ชนะหายห่วง 5-2 โดยเกมนี้ผู้ตัดสินแจกสามลูกโทษ และหนึ่งใบแดงตะเพิดนักเตะทีมเยือนออกจากสนาม

1. เฮฟเว่น ออกสตาร์ต,อูการ์เต้ นั่งสำรอง

รูเบน อโมริม กุนซือ แมนยู สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการส่ง อายเด็น เฮฟเว่น กองหลังดาวรุ่งวัย 18 ปีลงเล่นเป็นตัวจริงเกมแรก และเขี่ย วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ให้นั่งเป็นตัวสำรองร่วมกับ มานูเอล อูการ์เต้ ที่หายเจ็บแล้วหลังพลาดการลงเล่นไปสองนัด

จากการได้ลงบู๊ทำให้อดีตดาวเตะทีม อาร์เซน่อล เป็นพ่อค้าแข้งอิงลิชอายุน้อยที่สุดเป็นลำดับสาม (18 ปี 172 วัน) ที่ได้ออกสตาร์ตเกมยุโรปรอบน็อกเอาต์ต่อจาก ราฮีม สเตอร์ลิ่ง (18 ปี 68 วัน) ในปี 2013 และ มาร์คัส แรชฟอร์ด (18 ปี 117 วัน) ในปี 2016

เทียบจากเกม พรีเมียร์ลีก นัดเฝ้าบ้านเสมอกับ อาร์เซน่อล 1-1 ผีแดง สลับโผ 11 คนแรกสามรายโดยได้ แพทริค ดอร์กู ที่ติดโทษแบนเกมในประเทศลงเล่นได้เสียบแทน เลนี่ โยโร่ ที่เดี้ยง ขณะที่ ราสมุส ฮอยลุนด์ คืนโผตัวจริงแทน คริสเตียน เอริคเซ่น

นอกจากนี้ เจมส์ สแคนล่อน ดาวเตะวัย 18 ปีมีชื่อติดโผทีมชุดใหญ่เป็นหนแรกด้วยหลังรับใช้ทีมชาติ ยิบรอลต้า ชุดใหญ่มาแล้ว 10 นัด

2. ซูบิเมนดี้ คืนโผตัวจริง

เรอัล โซเซียดาด ได้ มาร์ติน ซูบิเมนดี้ มิดฟิลด์ตัวหลักฟิตกลับมาลงสนามได้หลังจากเกมแรกที่เสมอกับ แมนฯ ยูไนเต็ด 1-1 สตาร์ทีมชาติ สเปน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเนื่องจากป่วย และเป็นการทดแทน ลูก้า ซูชิช ที่ไม่ปรากฏชื่อร่วมทีมในเกมนี้

กระนั้นก็ดี ทีมเยือนขาด อาร์เซน ซาคาร์ยาน กองกลางทีมชาติ รัสเซีย เนื่องจากไม่ได้รับวีซ่าให้เข้าประเทศอังกฤษทั้งๆที่พ้นจากอาการบาดเจ็บแล้ว

3. แฟร์นันด์ส สร้างสถิติ

ผ่านมาแค่ 8 นาที แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เสียประตูก่อนเนื่องจาก มาตไตส์ เดอ ลิกต์ ทำฟาวล์ มิเกล โอยาร์ซาบาล หน้าปากประตูจึงทำให้อาคันตุกะได้ลูกโทษหลังผู้ตัดสินออกไปเช็คจอมอนิเตอร์ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่วีเออาร์

หลังโดนสกัดล้ม กัปตันทีม เรอัล โซเซียดาด ก็ลุกขึ้นมาสังหารเองไม่เหลือ และเป็นการยิงลูกโทษใส่ ผีแดง ได้สองเกมซ้อนโดยประตูนี้ถือเป็นการเสียประตูจากลูกโทษที่เร็วที่สุดของ แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยในเกมฟุตบอลยุโรปทุกรายการ

อย่างไรก็ดี ผ่านมาถึงนาทีที่ 15 เจ้าบ้านก็ได้ลูกโทษคืนเมื่อ ฮอยลุนด์ โดน อีกอร์ ซูเบลเดีย เข้ารอบล้ม และเป็น บรูโน่ แฟร์นันด์ส เจ้าเดิมที่ยิงตีเสมอให้ ปีศาจแดง ได้โดยเป็นประตูที่ 13 ในซีซั่นนี้ของสตาร์ทีมชาติ โปรตุเกส

ขณะเดียวกัน กัปตัน เร้ด เดวิลส์ สร้างสถิติเป็นนักเตะที่ซัดลูกโทษตุงตาข่ายได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ถ้วย ยูโรปา ลีก เป็นที่เรียบร้อยแล้วจากจำนวน 9 ประตูก่อนเพิ่มเป็น 10 ประตู

4. แฮททริคบังเกิด

เริ่มครึ่งหลังมาได้แค่ห้านาที ท่านเปาเป่าเป็นลูกโทษหนที่สามในจังหวะที่ อาริตซ์ เอลุสตอนโด้ เข้าขวาง ดอร์กู ล้ม และแน่นอนว่า แฟร์นันด์ส สังหารได้อย่างเด็ดขาดเช่นเคยเพิ่มสถิติการสอยตาข่ายจากจุด 12 หลาในรายการนี้ให้ตัวเองเป็น 10 เม็ด

ถึงตรงนี้ ผีแดง ซัดลูกโทษในเกม ยูโรปา ลีก ไม่พลาดตลอด 15 ครั้งหลังนับตั้งแต่ ฆวน มาต้า ยิงไม่เข้าในเกมปะทะกับ มิดทิลแลนด์ เมื่อวันที่ 25 ก.พ.2016

จนในที่สุดนาทีที่ 87 แฟร์นันด์ส ก็โชว์ความเฉียบคมให้เห็นอีกครั้งเมื่อรับลูกผ่านจาก อเลฮานโดร การ์นาโช่ ปรี่เข้าซัดตุงตาข่ายทำแฮททริคได้สำเร็จเป็นประตูที่ 24 (17 แอสซิสต์) ของเขาในรายการนี้แม้ก่อนหน้านี้อึดใจเดียว ท่านเปาจะเป่าลูกโทษเป็นครั้งที่สี่ในเกมให้ ผีแดง ได้ยิงเนื่องจาก อามารี ตราโอเร่ ตัวสำรองของทีมเยือนรวบ ดอร์กู ล้ม แต่หลังจากมีการเช็กเพื่อความแน่นอนก็เปลี่ยนคำตัดสินเนื่องจากกองหลังทีมชาติ กาน่า สไลด์โดนบอลก่อน แต่สุดท้ายในช่วงทดเวลา ดีโอโก้ ดาโลต์ ซัดเพิ่มอีกตุงให้ แมนฯ ยูไนเต็ด กำชัยไปแบบขาดลอย 4-1

5. ไม่ชนะ เลสเตอร์ ถือว่าผิด

หลังปิดจ็อบรอบ 16 ทีมถ้วย ยูโรปา ลีก ได้อย่างลุล่วง แมนฯ ยูไนเต็ด จะกลับไปลงเล่นเกม พรีเมียร์ลีก วันอาทิตย์นี้ด้วยการบุกไปเยือน เลสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งพวกเขาสมควรคว้าชัยให้ได้เพื่อพยายามขยับอันดับตารางให้น่าเกลียดน้อยกว่าที่เป็นอยู่แม้จะต้องเล่นในถิ่นของทีมรองบ๊อยก็ตาม

หลังมีผลงานใน พรีเมียร์ลีก ที่เลวร้าย เกมวันอาทิตย์นี้จึงเป็นโอกาสดีที่สุดที่ ผีแดง จะเก็บสามแต้มเต็มให้ได้ซะทีเนื่องจาก เดอะ ฟ็อกซ์ มีสภาพที่วิกฤตหนักยิ่งกว่าโดยพวกเขาแพ้รวดในเกมลีกห้านัดรวด รวมหกนัดติดต่อกันในทุกรายการ

เท่านั้นไม่พอ ทีมของ รุด ฟาน นิสเตลรอย อดีตกุนซือขัดตาทัพของ แมนฯ ยูไนเต็ด ยิงประตูไม่ได้เลยทั้งห้านัดหลังของเกม พรีเมียร์ลีก และทำได้แค่ประตูเดียวเท่านั้นในเกมบุกไปแพ้ ผีแดง 2-1 ในศึก เอฟเอ คัพ

ว่ากันตามเนื้อผ้า หากเกมที่ คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม อโมริม ไม่อาจพาทีมคว้าชัยชนะได้ เขาก็จะหนีไม่พ้นโดนโจมตีผลงานอีกหนทั้งๆที่อุตสาห์คุมทีมยำใหญ่ เรอัล โซเซียดาด ได้อย่างงดงาม แต่เอาชนะทีมที่เสี่ยงต่อการตกชั้นไม่สำเร็จ

ขณะเดียวกัน ในเกมบู๊กับ เลสเตอร์ เรื่องที่น่าจับตามองไม่น้อยอยู่ตรงที่ว่า ราสมุส ฮอยลุนด์ จะยิงประตูได้หรือยังหลังเท้าบอดมานาน 21 นัดติดต่อกันแล้วรวมถึงเกมพิชิตทีมจาก ลา ลีกา ด้วย

จะอย่างไรก็ตาม แม้กองหน้าทีมชาติ เดนมาร์ค ยังสลัดฟอร์มสุดทื่อไม่ได้  อโมริม ก็สมควรส่งเขาลงเล่นเป็นอย่างยิ่งในนัดเยือน เดอะ ฟ็อกซ์ ซึ่งมีเกมรับที่อ่อนปวกเปียก และอาจทำให้สตาร์เดนส์เรียกความมั่นใจกลับคืนมาก็เป็นได้


ที่มาของภาพ : getty images
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport