วันพฤหัสบดีที่ 13 มีนาคม มาถึงคิวของศึก ยูฟ่า ยูโรปา ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดสองกันบ้างแล้ว ซึ่งเกมที่ได้รับความสนใจของหลายคนคือเกมที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องเปิดรัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เจอกับ เรอัล โซเซียดาด
ในนัดแรกนั้นคู่นี้เสมอกัน 1-1 ที่ เรอาเล่ อารีน่า บ้านของ โซเซียดาด ทำให้ทั้งคู่ยังแทบจะมีโอกาสเข้ารอบพอๆ กัน ซึ่งเราก็จะมาพูดถึงเกร็ดของเกมนี้เพื่อเป็นการรับกระแสสักหน่อย
- ทำประตูได้น้อย
นี่ถือเป็นการเจอกันครั้งที่ 8 ในเกมถ้วยยุโรปของทั้ง 2 ทีม แต่เชื่อหรือไม่ว่า 7 นัดก่อนหน้านี้มันมีประตูเกิดขึ้นรวมกันเพียงแค่ 9 ลูกเท่านั้น แถมมีเพียงนัดเดียวที่มีทีมใดทีมหนึ่งยิงได้มากกว่า 1 ลูก นั่นคือศึก ยูโรปา ลีก ฤดูกาล 2020-21 ในรอบ 32 ทีมสุดท้าย นัดแรก ที่ แมนยูไนเต็ด เคยบุกไปถล่ม โซเซียดาด 4-0
ที่จริงแล้วเกมนัดก่อนที่เสมอกัน 1-1 ถือเป็นนัดแรกของคู่นี้ด้วยซ้ำที่ทั้ง 2 ทีมต่างก็ทำได้อย่างน้อยฝ่ายละ 1 ประตู ขณะเดียวกันก็มี 2 หนที่จบลงด้วยการเจ๊ากันแบบไร้สกอร์ นั่นคือเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่มของฤดูกาล 2013-14 และ เกม ยูโรปา ลีก รอบ 32 ทีมสุดท้าย นัดสองของซีซั่น 2020-21
- ในบ้านสถิติหรู
นับตั้งแต่ที่แพ้ แอธเลติก บิลเบา 2-3 คารัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในเกม ยูฟ่า ยูโรปา ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรกแล้วนั้น แมนยูไนเต็ด ก็ไม่ปราชัยกับการเล่นรอบน็อกเอาต์ในศึก ยูโรปา ลีก มาถึง 15 นัดติดต่อกันเข้าไปแล้ว แบ่งเป็นการชนะได้ 10 เกมกับเสมอ 5 หน
กรณีที่นับรวมรอบแบ่งกลุ่มเข้าไปด้วย แมนยูไนเต็ด ก็แพ้คาบ้านในศึก ยูโรปา ลีก เพียงแค่หนเดียวในรอบ 28 นัดหลังสุด โดยที่เหลือเป็นการชนะ 21 เกมกับเสมอ 6 นัด เพียงแต่ความปราชัยครั้งเดียวที่ว่าก็เกิดจากน้ำมือของ เรอัล โซเซียดาด ที่เคยบุกมาเชือดพวกเขา 1-0 เมื่อช่วงเดือนกันยายน ปี 2022
- เกมเยือนของ โซเซียดาด
ก่อนหน้านี้ โซเซียดาด ต้องมาเล่นเกมถ้วยยุโรปบนเกาะอังกฤษ 4 ครั้ง ซึ่งในจำนวนนั้นเป็นการเจอกับ แมนยูไนเต็ด 3 หน โดยผลลัพธ์คือการชนะ, เสมอ และแพ้อย่างละ 1 เกม ส่วนอีก 1 นัดคือวันที่แพ้ ลิเวอร์พูล 0-6 เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 1975
ขณะที่ถ้านับรวมชาติอื่นๆ เข้าไปด้วยมันก็ต้องบอกว่าพวกเขามีปัญหาเรื่องเกมรับพอตัวกับการเล่นเกมถ้วยยุโรปนอกบ้าน เพราะว่าเก็บคลีนชีตไม่ได้แม้แต่เกมเดียวในช่วง 6 นัดหลังสุด โดยเป็นการเสียไปรวมแล้ว 10 ประตู
- เด็กเกร็ดบอล -