ความผิดพลาดของ อังเดร โอนาน่า ในช่วงต้นครึ่งหลังจุดประกายให้เกมนี้สนุกขึ้น
ไม่มีความผิดพลาดครั้งนั้น บอกไม่ถูกเหมือนกันนะครับว่าเกมที่พิลเซ่นเมื่อคืนที่ผ่านมาจะดำเนินไปแบบใด
อาจจะสนุกขึ้น หรืออาจจะไม่แตกต่างไปจากเดิมเท่าไหร่.. ก็ได้
ครึ่งแรกระหว่าง วิคตอเรีย พิลเซ่น กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เต็มไปด้วยความอึดอัด ใครที่อยากเห็นฟุตบอลแลกกันสนุกเร้าใจต้องผิดหวัง เกมผ่านไปเกินครึ่งชั่วโมงกราฟฟิกยังต้องขึ้นย้ำให้เรารู้ว่า โอกาสยิงตรงกรอบของทั้งสองทีมคือ 0
พิลเซ่นรับในแดนเป็นหลัก ขยับขึ้นไปคุมพื้นที่แดนบนบ้างแต่ไม่ได้วิ่งไล่บีบกดดันเพื่อไม่ให้ยูไนเต็ดตั้งเกม พวกเขาปล่อยให้ผู้มาเยือนครองบอลเป็นส่วนใหญ่
ทีมปีศาจแดงเองก็ยังเหมือนหลายเกมที่ผ่านมา คือเล่นช้า ระวัง ไม่เสี่ยงผ่านบอลขึ้นหน้ามากนักในจังหวะได้เสีย
บอลถ่ายไปมาระหว่าง ลิซานโดร มาร์ติเนซ, มัตไตจ์ เดอ ลิกต์ และ นุซแซร์ มาซราอุย เซนเตอร์แบ๊กทั้ง 3 คนบวกด้วยการตวัดบอลส่งคืนไปให้ โอนาน่า ครองบอลรอให้ผู้เล่นเจ้าถิ่นขยับขึ้นมาไล่
เป็นภาพแบบนี้ตลอดครึ่งแรก ครองบอล ผ่านบอลซ้ายขวา ส่งคืนหลัง รอคู่แข่งขึ้นมาไล่ แล้วผ่านบอลสั้นบ้าง หรือวางยาวบ้าง
ความเร็วของเกมแทบไม่มี ความแม่นยำก็เช่นกัน จังหวะเปลี่ยนรับเป็นรุกสวย ๆ แทบไม่เห็น ที่สำคัญคือกระทั่งเล่นบอลที่ช้าแล้วก็ยังอุตส่าห์เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
การปะทะ บังบอล ผ่านบอล หรือเก็บบอลจังหวะสอง ได้พอ ๆ กับเสีย ทั้ง 2 ทีมเสียบอลกันบ่อยครั้ง พิลเซ่นตัดบอลได้ก็ทำไม่ได้ ยูไนเต็ดแย่งบอลได้ก็ส่งให้กันขาด ๆ เกิน ๆ
ผมคิดว่าไอเดียของ รูเบน อโมริง คือระวังไว้ก่อนไม่เสียหาย ไม่มีความจำเป็นต้องเร่งเอาประตูโดยเร็ว บอลของยูไนเต็ดยังเปลี่ยนจากการเล่นช้าเพื่อลดทอนความผิดพลาดไปเป็นเล่นทั้งเร็วทั้งแม่นไม่ได้ในทันทีทันใด ยิ่งบอลเปลี่ยนระบบด้วยก็ยิ่งต้องใช้เวลา
ผลการแข่งขันก็ต้องการ ฟอร์มการเล่นก็ต้องการ แต่ถ้าเลือกได้ ณ สถานการณ์นี้ในยูโรปา ลีก ที่รั้งอันดับ 12 ก่อนลงสนาม สามคะแนนต้องมาก่อนเป็นอันดับแรก
กระนั้นอย่างน้อยการเปลี่ยนตัวครั้งสุดท้ายของ อโมริง ก็แสดงให้เห็นว่าเขาพาทีมไปพิลเซ่นเพื่อชนะ ไม่ใช่แค่เพื่อไม่แพ้ เพียงแต่แผนการที่กำหนดเอาไว้น่าจะเป็นอย่างนั้น คือเล่นในครึ่งแรกอย่างระวังที่สุด
อเลฮานโดร การ์นาโช่ ลงไปแทน ดีโอโก้ ดาโลต์ ในช่วง 10 นาทีสุดท้าย.. มันบอกให้เรารู้ว่า อโมริง ต้องการชนะ
ด้วยความอันตรายที่ วิคตอเรีย พิลเซ่น ทำให้เห็นว่าแทบไม่มีเลย ประตูที่ได้ก็มาจากความผิดพลาดให้ของโอนาน่า แมนฯ ยูไนเต็ดจึงกล้าเปลี่ยนตัวรุกแทนตัวรับเพื่อเอาประตูชัยให้ได้ในช่วงที่เกมยังเสมอกันอยู่ 1-1
เมื่อ การ์นาโช่ ลงสนาม ยูไนเต็ดในช่วง 10 นาทีสุดท้ายจึงมีวิงแบ๊ก 2 ฝั่งเป็นปีกธรรมชาติทั้ง การ์นาโช่ และ อันโตนี่ ที่ถูกส่งลงสนาม 20 นาทีก่อนหน้านั้น
คู่มิดฟิลด์ตัวรุกเป็น เมสัน เมาน์ท กับ อาหมัด ดิยัลโล่ กองหน้าตัวเป้า ราสมุส ฮอยลุนด์ และยังมี บรูโน่ แฟร์นันด์ส ยืนคู่กับ มานูเอล อูการ์เต้ ตรงกลาง เป็นตัวรุกอีกคน
น่าจะเป็นการเปลี่ยนตัวที่ถูกใจแฟนบอล รวมทั้งการเปลี่ยนตัวครั้งก่อนหน้านั้นในเกมด้วยที่แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นของทีม
ฮอยลุนด์ถูกส่งลงไปแทน มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่เล่นไม่ออก ศูนย์หน้าเดนมาร์กลงไปยืนกองหน้าตัวเป้าแล้วถอย โจชัว เซิร์กเซ่ ลงมาเป็นกองกลางตัวรุกแทน ก่อนที่ เมาน์ท จะมาแทน เซิร์กเซ่ ที่ผลงานไม่เข้าตาอีกคน ขณะที่ ไทเรลล์ มาลาเซีย ถูกถอดออก โยก ดีโอโก้ ดาโล่ต์ ไปอยู่ริมเส้นฝั่งซ้ายแทนเพื่อเปิดทางขวาให้อันโตนี่ ตัวสำรอง
พอจะมองเห็นการปรับแก้แท็คติกของกุนซือชาวโปรตุกีส ที่สำคัญมันยังได้ผลการแข่งขันที่ต้องการด้วยเมื่อ ฮอยลุนด์ วิ่งโฉบเข้าพื้นที่รับบอลฟรีคิกเร็วจากบรูโน่ ก่อนจะตวัดยิงตุงตาข่ายเป็นลูกที่ 2 ของตัวเองให้ทีมแซงนำ 2-1
ถามถึงความน่าประทับใจ อาจยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนนัก เพราะท่ามกลางความผิดพลาดและเกมบุกที่เบาหวิวของเจ้าถิ่น ยูไนเต็ดเองก็ก่อความผิดพลาดไม่น้อยเช่นกัน
ที่สำคัญคือความเด็ดขาดในระดับ "ยิงฝัง" หรือ "ปิดเกม" ไม่มีเลย
หลังแซงนำก่อนหมดเวลา 2 นาที ยูไนเต็ดมีโอกาสหลายครั้งที่จะทำประตูเพิ่มเป็น 3-1 จากการโต้กลับ บางสถานการณ์หลุดขึ้นไป 3 คนรุมกองหลังเจ้าถิ่นแค่คนเดียวด้วยซ้ำแต่ก็ยิงไม่ได้
ความไม่มั่นใจยังปกคลุมทีมอยู่ สัมผัสนี้ค่อนข้างชัด การเล่นยังไม่ไหลลื่น ความกล้าที่จะทำเร็วหรือส่งบอลขึ้นหน้ายังมีไม่มาก ความคลิกลงตัวยังไม่เห็น
กับโอนาน่า ความเชื่อมั่นดิ่งวูบชัดเจนมาก ตั้งแต่การเสีย 2 ประตูจากลูกเตะมุมเกมแพ้อาร์เซน่อล ความผิดพลาดในเกมแพ้ฟอเรสต์ ต่อเนื่องมาถึงเกมนี้
ครึ่งแรกออกไปตัดบอลวืด 2 ครั้ง โดนบล็อกจังหวะเตะเปิดเกมอีกหน ครึ่งหลังเตะบอลเข้าเท้าคู่แข่งจนนำมาซึ่งการเสียประตูเลย
ภาษากายที่ได้เห็นก็เช่นกัน หลายครั้งอาจไม่ใช่พวกเขาไม่อยากออกบอลขึ้นหน้าให้ แต่เป็นเพราะการเคลื่อนที่ของผู้เล่นด้านบนเองที่ไม่เอื้อต่อการปล่อยบอล
คงต้องให้เวลาทำความเข้าใจกันไป ทั้งโค้ช ทั้งนักเตะ
แต่ก็นั่นล่ะครับ อย่างน้อยทีมก็สามารถเก็บสามคะแนนได้ ตรงนี้สำคัญกว่า
มันทำให้สถานการณ์บนตารางคะแนนยูโรปา ลีกดีขึ้น ได้ลุ้น Top 8 เต็มตัว ทั้งยังเป็นการดึงความเชื่อมั่นกลับมาได้บ้างหลังจากแพ้ในลีกมา 2 เกมติด ก่อนศึกหนักไปเยือนแมนเชสเตอร์ ซิตี้ วันอาทิตย์นี้..
ตังกุย