แมนยู ภายใต้การคุมทีมของ รูเบน อโมริม ประสบกับชัยชนะเกมแรกเป็นที่เรียบร้อยแล้วในการทำศึก ยูโรปาลีก นัดเฝ้าบ้านเฉือนชนะ โบโด กลิมท์ ไปแบบลิ้นห้อย 3-2 จากการฟาดแข้งเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 28 พ.ย.โดยจากภาพรวม ผีแดง ยังเล่นได้อย่างทุลักทุเลอีกตามเคย และต้องอาศัย อ็องเดร โอนาน่า เซฟลูกอันตรายช่วงท้ายเกมพาทีมคว้าสามแต้มแรกให้กับเจ้านายคนใหม่
1. ผีส่ง เมาท์ ,มาลาเซีย, อันโตนี่ ลุย
แมนฯ ยูไนเต็ด วางหมาก 11 คนแรกด้วยการส่ง เมสัน เมาท์ กองกลางจอมเดี้ยงลงเล่นเป็นตัวจริงเกมแรกในรอบ 96 วันนับตั้งแต่เดือนส.ค.รวมทั้ง ไทเรลล์ มาลาเซีย ที่ได้ลงสนามเป็นเกมแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2023 หลังล้มเจ็บไปนาน 17 เดือนหรือ 551 วัน
นอกจากนี้ อันโตนี่ ปีกขวาทีมชาติ บราซิล ได้ออกสตาร์ตนัดแรกเช่นกันนับตั้งแต่เดือนก.ย. หรือ 72 วัน รวมแล้ว รูเบน อโมริม เปลี่ยนโผนักเตะมากถึงหกรายจากเกม พรีเมียร์ลีก นัดบุกไปเสมอกับ อิปสวิช 1-1
จากฟอร์มที่ไม่น่าประทับใจในเกมบู๊กับทีม ม้าขาว กุนซือโปรตุกีส เลือกดร็อป กาเซมีโร่ , คริสเตียน เอริคเซ่น , มาร์คัส แรชฟอร์ด ,ดีโอโก้ ดาโลต์ ,อาหมัด ดิยัลโล่ และ จอนนี่ อีแวนส์ พ้นไปจากทีมตัวจริง
2. โบโด กลิมท์ ปรับทัพห้าตำแหน่ง
โบโด กลิมท์ ทีมจ่าฝูงลีกนอรเวย์ปรับโผนักเตะตัวจริงบุกมาเยือน โอลด์ แทรฟฟอร์ด รวมห้ารายหลังจากเกมล่าสุดในลีกพวกเขาบุกไปพิชิต ออด 2-0
ไล่ตั้งแต่แนวรับที่กุนซือ เคติล นุตเซ่น ส่ง ไบรซ์ เวมบันโกโม่ กับ ยอสไตน์ กุนเดอร์เซ่น ลงบู๊ ขณะที่แดนกลางมี ซอนเดร บรุนสตัด เฟ็ต คืนทัพ ส่วนแดนหน้า ฟิลิป ซินเคอร์นาเกล อดีตดาวเตะทีม วัตฟอร์ด และ ฟอเรสต์ กับ อันเดรียส เฮลเมอร์เซ่น ได้ลงล่าตาข่าย
อย่างไรก็ดี อาคันตุกะอยู่ในช่วงมีผลงานไม่สู้ดีเนื่องจากห้านัดหลังในทุกรายการ พวกเขากำชัยได้แค่เกมเดียวเท่านั้น
3. หลังสามทำเสียว
นอกจากความผิดพลาดครั้งแรกตั้งแต่นาทีแรกของ นิกิต้า ไฮคิน นายทวารทีมเยือนที่เปิดโอกาสให้เจ้าบ้านนำหน้าตั้งแต่ไก่โห่จากจังหวะเก็บตกของ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ต้องบอกว่า โบโด กลิมท์ เล่นได้อย่างเป็นรูปเป็นร่างมากกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด อย่างชัดเจน
และในที่สุด พวกเขาก็แสดงให้เห็นถึงพิษสงจากการสอยสองประตูแซงนำ แมนฯ ยูไนเต็ด 2-1 ได้อย่างยอดเยี่ยมซึ่งเห็นได้ชัดว่าระบบ 3-4-3 ของ อโมริม ใช้ไม่ได้ผลกับทีมลูกหนังของเมืองผู้ดีโดยเฉพาะหมากหลังสามที่เปิดช่องให้คู่แข่งทำเกมรุกโจมตีเข้าใส่พื้นที่อันตรายของ ผีแดง ได้เป็นระยะ
นอกจากจะเปิดพื้นที่หน้าปากประตูเชิญชวนให้ฝ่ายตรงข้ามบุกเข้าหาแล้ว สามเซ็นเตอร์ฮาล์ฟของ แมนฯ ยูไนเต็ด ต่างก็ยืนตำแหน่งสับสนชนิดจับต้นชนปลายไม่ถูกไปด้วยกันทั้งหมดจนทำเอา อ็องเดร โอนาน่า เซฟทีมไม่ไหวเหมือนเกมก่อนหน้านี้ที่เขาระเบิดฟอร์มช่วยให้ทีมเสมอยันเสมอ อิปสวิช ได้สำเร็จ
อย่างไรก็ดี ก่อนที่ทุกอย่างจะเลวร้ายมากไปกว่านี้ ผีแดง ตีเสมอเป็น 2-2 จนได้ก่อนจบครึ่งแรกอึดใจเดียวซึ่งต้องยกเครดิตให้กับ นุสแซร์ มาซราวี อีกหนที่เป็นขุนพล ผีแดง รายเดียวที่มีฟอร์มคงเส้นคงวามากที่สุดในซีซั่นนี้จากการแอสซิสต์ให้ ราสมุส ฮอยลุนด์ ซัดตุงตาข่าย
4. แรชฟอร์ด ยังมีอนาคต
หลังเกมเสมอกับ อิปสวิช อโมริม เผยกับสื่อว่าตำแหน่งหน้าเป้าไม่เข้ากับสไตล์ของ มาร์คัส แรชฟอร์ด หลังจากเขาส่งดาวยิงอิงลิชออกสตาร์ตเป็นตัวจริงนัดแรก และแม้เจ้าตัวจะซัดให้ทีมออกนำตั้งแต่ต้นเกม แต่นับจากนั้นเด็กปั้น ผีแดง แทบไม่มีส่วนร่วม และโดนเปลี่ยนตัวออกในท้ายที่สุด
ด้วยเหตุนี้ ฮอยลุนด์ จึงได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมดวลกับทีมจากนอรเวย์ และเขาแสดงให้เจ้านายคนใหม่ได้เห็นว่าคู่ควรกับการได้ออกสตาร์ตในตำแหน่งศูนย์หน้าจากการตะบันให้ทีมตีเสมอ ก่อนซัดอีกตุงพาทีมแซงนำ 3-2
กระนั้นก็ดี แม้กุนซือชาวเมืองฝอยทองจะเล็งเห็นว่า แรชฟอร์ด ไม่เหมาะกับการเล่นเป็นกองหน้า แต่ใช่ว่าเจ้าตัวจะหมดอนาคตเนื่องจากสตาร์เลือดผู้ดีสวมบททางริมสนามได้ดีกว่าโดยเฉพาะในจังหวะโต้กลับ และในที่สุดเขาก็ได้ลงเล่นเป็นตัวสำรองแทน อันโตนี่ ซึ่งมีฟอร์มที่เลวร้ายสุดขั้วพอๆกับ มาลาเซีย หลังจากต่างก็ไม่ได้ลงสนามมานาน แต่กลับได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงทั้งคู่ในเกมนี้จนทำเอา แมนฯ ยูไนเต็ด หวิดเจ๊งคาบ้าน
5. โอนาน่า ห้ามป่วย ห้ามเจ็บ ห้ามติดโทษแบน
ต้องบอกว่าหลังตีเสมอ โบโด กลิมท์ 2-2 ได้ก่อนจบครึ่งแรก แมนฯ ยูไนเต็ด กลับมาลงเล่นในครึ่งหลังด้วยความมั่นใจที่เพิ่มมากขึ้น และในที่สุดพวกเขาก็ยิงประตูเพิ่มนำหน้าเป็น 3-2 จากฝีเท้าของดาวยิงทีมชาติ เดนมาร์ค
จากภาพรวมหากเทียบจากฟอร์มในครึ่งแรกถือได้ว่า ผีแดง เล่นได้ดีขึ้นอย่างน่าประทับใจ และมีโอกาสเบิกสกอร์เพิ่มมากกว่าสามเม็ดหลายครั้งด้วยจากทั้ง การ์นาโช่ และ แรชฟอร์ด ในจังหวะโต้กลับซึ่งถือเป็นจุดเด่นของทั้งคู่ แต่ต่างก็ทิ้งโอกาสให้หลุดลอยไป
อย่างไรก็ดี ท้ายเกมทีมเยือนฮึดสู้ได้อย่างน่าเกรงขาม และมีโอกาสสอยตาข่ายหลายหนจากการเดินเกมรุกอย่างหนักหมายทำประตูตีเสมอจนทำเอาแผงหลังเจ้าบ้านรวนเรกันอีกคำรบ แต่ดีที่ว่า โอนาน่า ซึ่งเซฟช่วยทีมไม่ได้ในครึ่งแรกสามารถงัดฟอร์มเหนียวออกมาปฏิเสธโอกาสเช็กบิลของอาคันตุกะได้ในช่วงท้ายเกมอย่างน้อยๆสองหน และช่วยให้ อโมริม พาทีมกำชัยเป็นเกมแรกของเขาใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด ได้สำเร็จ
ฉะนั้นแล้วถึงตอนนี้ต้องบอกว่า โอนาน่า กลายเป็นคีย์แมนคนสำคัญอันดับหนึ่งของ แมนฯ ยูไนเต็ด ไปแล้วเพราะหากไม่ได้ความเหนียวของเขาในหลายเกมหลัง ผีแดง ก็น่าจะพ่ายคู่แข่งซะมากกว่า และเชื่อได้เลยว่า อัลตาย บายินดีร์ ที่มีลีลาลุกลี้ลุกลนไม่น่าจะเป็นที่พึ่งของทีมได้หากวันใดวันหนึ่งนายทวารทีมชาติ แคเมอรูน จะลงเฝ้าเสาไม่ได้ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม