ลุ้นกันจนหยดสุดท้ายจริงๆสำหรับเกม ยูโรปาลีก รอบแบ่งกลุ่มนัดชี้ชะตาซึ่ง แมนฯ ยูไนเต็ด ทำได้แค่บุกไปชนะ เรอัล โซเซียดาด 1-0 เท่านั้นในการฟาดแข้งเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 3 พ.ย.
จากผลลัพธ์ดังกล่าว เท่ากับว่า ผีแดง ทำงานได้ไม่เข้าเป้าเนื่องจากพวกเขาจำเป็นต้องพิชิตทีมเจ้าบ้านให้ได้สองเม็ดขึ้นไปเพื่อแซงนำเป็นแชมป์กลุ่ม และลอยลำเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายทันที
1.ไลน์อัพที่ไม่มีใครคาดคิด
ตาถลนไปตามๆกันเมื่อโผรายชื่อ 11 นักเตะของ แมนฯ ยูไนเต็ด คลอดออกมาโดย เอริค เทน ฮาก วางหมากผิดไปจากที่หลายคนคาดคิดหลายตำแหน่ง
เริ่มตั้งแต่แบ็คโฟร์ซึ่งกุนซือดัตช์เลือกใช้งาน วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ แทนที่จะเป็นกัปตันทีม แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ที่ฟิตเต็มสูบกลับมาลงบู๊ได้แล้ว
ซ้ำร้ายแดนกลางก็มีชื่อ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบค ออกสตาร์ตเป็นเกมแรกในรอบ 11 เดือนภายใต้บทบาทหน้าต่ำซึ่งแน่นอนว่า บรูโน่ แฟร์นันด์ส ถูกขยับไปเล่นเป็นตัวริมเส้นเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับเกมลีกนัดต่อไปในวันอาทิตย์นี้เนื่องจากสตาร์ทีมชาติ โปรตุเกส จะติดโทษแบน
เท่านั้นไม่พอ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่กำลังฮ็อตก็หลุดไปนั่งข้างสนาม แต่สำหรับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับ อเลฮานโดร การ์นาโช่ เป็นไปอย่างที่ถูกคาดหมายเอาไว้ว่าจะได้ลงเล่นเป็นตัวจริงด้วยกันทั้งคู่
จากโผดังกล่าว พอจะสันนิษฐานได้ว่า เทน ฮาก คงอ่านเกมว่าน่าจะบุกมาเอาชนะ เรอัล โซเซียดาด ในรังของคู่แข่งสองเม็ดขึ้นไปยากอยู่ เขาจึงอาจจัดทีมแบบแบ่งรับแบ่งสู้เลือกเก็บ แม็กไกวร์ เอาไว้เล่นเกมลีกสุดสัปดาห์เช่นเดียวกับ แรชฟอร์ด พร้อมทั้งตั้งความหวังด้วยว่า อันโตนี่ กับ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล จะหายเจ็บทันเวลาบุกไปเยือน แอสตัน วิลล่า รวมถึง เจดอน ซานโช่ ที่ป่วยอีกราย
ขณะเดียวกัน แม้ สิงห์ผงาด จะมีผลงานไม่สู้ดี แต่อย่าลืมว่าบอลเปลี่ยนโค้ชอันตรายเสมอเนื่องจาก อูไน เอเมรี่ จะประเดิมคุมทีมลงเล่นเป็นเกมแรกหลังย้ายมารับภาระแทน สตีเว่น เจอร์ราร์ด ที่ถูกปลด
2.เรอัล โซเซียดาด โผเดิมเป๊ะ
จะเป็นทีมชุดพิการหรือเปล่าก็แล้วแต่จะคิดกัน แต่ที่แน่ๆ เรอัล โซเซียดาด จัดทัพด้วย 11 นักเตะชุดเดิมทั้งหมดจากเกมลีกนัดล่าสุดที่พวกเขาพ่ายต่อ เบติส คารัง 2-0
แน่นอนว่า เจ้าบ้านยังขาดคีย์แมนที่นัดกันเดี้ยงหลายรายไม่ว่าจะเป็น ดาบิด ซิลบา ตลอดจน ทาเคฟูสะ คุโบะ ,อันเดร์ บาร์เรเนตเซีย ,โมโม่ โช ,อายเอ็น มูนญอซ ,มิเกล โอยาร์ซาบาล และ อูมาร์ ซาดิก ซึ่งเป็นไปตามที่มีรายงานข่าวเผยออกมา
จากโผดังกล่าว ปฏิเสธไม่ได้ว่าทีมจาก ลา ลีกา เปลี่ยนโฉมหน้าไปเยอะโดยหากจะเทียบกับเกมแรกที่พวกเขาบุกมากำชัย 1-0 ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อแปดสัปดาก่อน ทีมจาก ซาน เซบาสเตียน มีการโรเตชั่นทีมมากถึงห้าราย แต่อย่างน้อย บราอิส เมนเดซ กองกลางทีมชาติ สเปน ที่ซัดลูกโทษไม่พลาดจากจังหวะที่ ลิซานโดร มาร์ติเนซ ถูกเป่าว่าทำแฮนด์บอลอย่างน่าฉงนยังมีชื่อลงบู๊เกมนี้
3.บทสรุปครึ่งแรก
ต้องบอกว่า ผีแดง ประสบความสำเร็จไปหนึ่งก้าวหลังเบิกสกอร์เจ้าบ้านได้หนึ่งเม็ดในเกม 45 นาทีแรกจากลูกยิงของ การ์นาโช่ ในนาทีที่ 17 ซึ่ง โรนัลโด้ คุณน้าวัย 37 ปีแอสซิสต์ให้คุณหลานวัย 18 ปีกระทุ้งจากโอกาสแรกในเกมของทีมจาก พรีเมียร์ลีก และเป็นประตูทันที
พร้อมกันนี้ ในช่วงท้ายก่อนหมดเวลาสองนาที ดาบิด เด เคอา ก็เซฟลูกสำคัญให้ทีมอีกตามเคยจากจังหวะเข้าซ้ำเผาขนของ ปาโบล มาริน ที่ช่วยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด รักษาสกอร์นำ 1-0 ได้สำเร็จ
รวมเบ็ดเสร็จใน 45 นาทีแรก โซเซียดาด ครองบอลได้มากกว่าตามระเบียบในฐานะเจ้าบ้าน 52:48% และได้ส่องยิง 5 ครั้ง เข้ากรอบ 3 ครั้ง แต่ไม่เป็นประตู ส่วน แมนฯ ยูไนเต็ด ได้เข่น 3 ครั้ง และเข้ากรอบครั้งเดียว
สำหรับประตูของ การ์นาโช่ ทำให้เขาเป็นนักเตะ ผีแดง ที่ไม่ใช่คนอังกฤษอายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูในเกมยุโรปได้ด้วยวัย 18 ปี 125 วัน ทำลายสถิติเดิมของ จอร์จ เบสต์ อดีตสตาร์ดังชาว ไอร์แลนด์เหนือ ที่ทำเอาไว้เมื่อปี 1964 ในวัย 18 ปี 158 วัน
ด้าน โรนัลโด้ ก็ถือเป็นตัวแสบของ โซเซียดาด อีกตามเคยเพราะแม้เกมนี้จะยิงไม่ได้ แต่ก็มีผลงานแอสซิสต์โดยจากทั้งหมด 7 เกมก่อนหน้านี้กับทุกสโมสรที่ ซีอาร์เซเว่น ดวลกับทีมจากลีกกระทิงดุ เขาพังประตูคู่แข่งรายนี้ได้มากถึง 13 ประตู
4.ครึ่งหลัง เทน ฮาก ออกลูกเลอะเทอะ
จากสถานการณ์ที่บีบให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องได้ประตูที่สองต่อการผ่านเข้ารอบแบบอัตโนมัติ เทน ฮาก ตัดสินใจแก้เกมเป็นพัลวันเหมือนกัน แต่กลายเป็นว่าสร้างความตกตะลึงให้กับสาวก เร้ด เดวิลส์ ซะมากกว่า
ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนตัวสำรองพร้อมทั้งปรับหมากเป็นหลังสามในช่วงหนึ่งชั่วโมงซึ่งทำเอาแนวรับของ ผีแดง ต้องทำงานหนัก และเสี่ยงต่อการโดนตีเสมอมากกว่าที่จะได้ประตูเพิ่ม
แต่ที่ทำเอาใครต่อใครตาค้างอ้าปากหวอก็เป็นตอนที่กุนซือดัตช์ส่ง แม็กไกวร์ ลงบู๊ในช่วงเจ็ดนาทีสุดท้ายซึ่งแทนที่จะหันกลับมาเล่นในระบบแบ็คโฟร์เพื่อความอุ่นใจ กลายเป็นว่ากองหลังทีมชาติ อังกฤษ ถูกส่งลงเล่นเป็นหัวหอกคู่กับ โรนัลโด้ ทั้งๆที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ควรเปลี่ยนตัวรุกธรรมชาติอย่าง แอนโธนี่ อีแลงก้า ลงไปลุ้นพังประตูมากกว่า ขณะที่ แรชฟอร์ด ซึ่งถูกเปลี่ยนตัวลงไปแล้วก่อนหน้านี้ได้รับบทเป็นหน้าต่ำ
และในที่สุด มันก็ไม่เวิร์กเนื่องจากทั้งแผนการเล่น และบทบาทที่นักเตะได้รับมันสับสนอลหม่านชวนให้น่าปวดกระโหลกสิ้นดี จึงเป็นอันว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ทำได้ไม่ดีพอที่จะเช็กบิลเจ้าบ้านสองประตูเนื่องจากพวกเขามีโอกาสส่องยิงใน 45 นาทีหลังเพิ่มแค่หนเดียวเท่านั้น และไม่เข้ากรอบ แม้จะมีเปอร์เซนต์การครองบอลหลังครบ 90 นาทีพลิกกลับมาเหนือกว่าเจ้าบ้าน 53:47% แต่เป็น โซเซียดาด ที่ได้ง้างยิงตลอด 90 นาที 13 ครั้ง และเข้ากรอบ 4 ครั้ง แต่ไม่มีสกอร์
5.จับสลากรอบเพลย์ออฟเมื่อไหร่?
หลังบุกไปชนะ โซเซียดาด แค่ประตูเดียว แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ต้องเหนื่อยต่อในฐานะทีมอันดับสองของกลุ่มที่ต้องรอลุ้นผลการจับสลากรอบเพลย์ออฟซึ่งพวกเขาต้องบู๊กับทีมอันดับสามจากรอบแบ่งกลุ่มของถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก อย่าง อาแจ็กซ์ , เลเวอร์คูเซ่น , บาร์ซ่า , สปอร์ติ้ง ลิสบอน , ซัลบวร์ก , ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค , เซบีย่า หรือ ยูเวนตุส โดยมีเงื่อนไขว่าทีมจากชาติเดียวกันจะไม่ได้จับสลากให้เจอกันเอง
สำหรับการจับสลากจะมีขึ้นในวันจันทร์ที่ 7 พ.ย.นี้ และมีกำหนดหวดนัดแรกในวันที่ 16 ก.พ.ขณะที่นัดสองจะเล่นกันต่อทันทีในสัปดาห์ถัดไปวันที่ 23 ก.พ.โดยมีการยืนยันเป็นมั่นเหมาะแล้วว่า ผีแดง จะได้เล่นนัดสองในรังตัวเอง
จากนั้นทีมที่ชนะในรอบเพลย์ออฟจะต้องจับสลากประกบคู่รอบ 16 ทีมอีกหนในวันที่ 24 ก.พ.ซึ่งจะยังมีเงื่อนไขทีมจากชาติเดียวกันไม่ได้เจอกันเองเช่นกัน และจะเล่นกันนัดแรกวันที่ 9 มี.ค.ตามด้วยนัดสองในวันที่ 16 มี.ค.