เอริค เทน ฮาก นายใหญ่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีภารกิจสำคัญในการนำลูกทีมบุกเยือน เรอัล โซเซียดาด ศึกยูโรปา ลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดสุดท้าย วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤศจิกายนนี้ โดยพวกเขาต้องพยายามแชมป์กลุ่ม อี ให้ได้ เพื่อคว้าตั๋วเข้าไปเล่นรอบ 16 ทีมสุดท้ายแบบอัตโนมัติ งานนี้แม้ "ผีแดง" จะไม่มี 3 คีย์แมนสำคัญ แต่ทีมก็ยังคงแข็งแกร่งและเต็มไปด้วยความมั่นใจ ขณะที่เจ้าบ้านก็มีปัญหาอาจขาดแข้งสำคัญถึง 7 รายในแมตช์นี้เช่นกัน
1. ขาด 3 แข้งหลักแต่ไม่ใช่ปัญหา
สาวก "เร้ด อาร์มี่" คงหวั่นใจพอสมควรหลังจากที่มีการประกาศรายชื่อ 23 แข้งยกพลบุกสเปน ดวล เรอัล โซเซียดาด เกมสุดท้าย รอบแบ่งกลุ่ม ศึกยูโรปา ลีก ไม่ปรากฎ 3 รายชื่อสำคัญนั่นก็คือ อันโตนี่, อองโตนี่ มาร์กซิยาล และ เจดอน ซานโช่
ในรายของ "พี่หมาก" ยังพอเข้าใจได้เพราะมีปัญหาบาดเจ็บ แต่สำหรับ อันโตนี่ กับ ซานโช่ หลายคนเป็นห่วงอย่างมาก เพราะรายหลังฟอร์มอาจร่วงจนหลุดทีม ขณะที่ ปีกชาวบราซิเลียน อาจยังโดนปรับทัศนคติอีก 1 เกมหลังโชว์ทักษะไม่มีประโยชน์ในเกมกับ เชอริฟฟ์
อย่างไรก็ตาม "ผีแดง" แถลงชัดเจนว่าสาเหตุที่ทั้งสามคนไม่ได้ขึ้นนกเหล็กบุกแดนกระทิงดุเพราะปัญหาเรื่องสุขภาพ โดย อันโตนี่ กับ มาร์กซิยาล ยังต้องรักษาอาการบาดเจ็บ ส่วน ซานโช่ มีอาการป่วย
ทั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังอยู่ในช่วงมั่นใจสุดๆ หลังจากที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมในลีกช่วงที่ผ่านมา เช่นเดียวกันในศึกยูโรปา ลีก ฉะนั้นตอนนี้เรื่องหัวจิตหัวใจของนักเตะต่างฮึกเหิมเต็มที่ และการขาด 3 คีย์แมนก็ไม่ใช่ประเด็นที่ต้องเป็นห่วง
2. เจ้าบ้านมีปัญหาเช่นกัน
สำหรับ เรอัล โซเซียดาด ก็ต้องเจอกับปัญหาปวดเฮดเช่นกัน เนื่องจากผู้เล่นสำคัญของพวกเขาหลายรายไม่สามารถลงสนามในเกมรับมือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
แมนเชสเตอร์ อีฟนิ่ง นิวส์ สื่อท้องถิ่นชื่อดังในอังกฤษ รายงานว่า สโมสรของลีกกระทิงดุอาจขาดนักเตะอีกหลายรายทั้ง ทาเคฟูสะ คุโบะ ,อันเดร์ บาร์เรเนตเซีย ,โมโม่ โช ,อายเอ็น มูนญอซ ,มิเกล โอยาร์ซาบาล และ อูมาร์ ซาดิก
ขณะที่อีกรายซึ่งถือเป็นคีย์แมนของทีมในการนำสโมสรโชว์ฟอร์มหรูถึงขั้นขึ้นไปรั้งอันดับ 5 ของตารางศึกลา ลีกา สเปน นั่นก็คือ ดาบิด ซิลบา ก็ยังต้องลุ้นหนักว่าจะมีสภาพความฟิตได้ลงเล่นเกมนี้หรือไม่
แค่นึกภาพ โซเซียดาด ขาดผู้เล่นกำลังสำคัญไปถึง 7 รายแบบนี้ ต้องบอกเลยว่าพวกเขาเสียเปรียบ แมนฯ ยูไนเต็ด พอสมควร เพราะต่อให้เล่นในบ้าน แต่มาเจอกับทีมที่กำลังมั่นใจเต็มเปี่ยม งานนี้คงเหนื่อยรากเลือดแหงๆ
3. แรชฟอร์ดแรงเกินห้ามใจ
หนึ่งในนักเตะที่กำลังฟอร์มร้อนแรง และเต็มไปด้วยความมั่นใจของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็คือ มาร์คัส แรชฟอร์ด โดยตอนนี้นักเตะกลับมาอยู่ในฟอร์มที่พีคสุดๆ นับตั้งแต่ที่ เอริค เทน ฮาก เข้ามากุมบังเหียน
"ดร.แรชชี่" เคยฟอร์มหลุดจนหาทางกลับโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ไม่ถูกช่วง 2-3 ฤดูกาลที่ผ่านมา โดยเฉพาะซีซั่นที่แล้วนักเตะเล่นไม่ได้เรื่อง และยังโดนดร็อปอยู่บ่อยๆ จนมีข่าวลือว่าต้องการเก็บเสื้อผ้าออกจาก "โรงละครแห่งความฝัน"
กระนั้นนับตั้งแต่ที่ เทน ฮาก เข้ามาปรับเปลี่ยนรูปแบบการเล่นและแท็กติกของทีม แรชฟอร์ด ก็กลับมาฉายแสงเป็นยอดแข้งแห่งความหวังของทีม และยังเป็นตัวเลือกในแนวรุกเหนือกว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ด้วยซ้ำ
ล่าสุดประตูชัยของเขาในเกมเฉือน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ไม่เพียงแค่ช่วยทีมคว้า 3 คะแนน และเป็นของขวัญวันเกิดอายุครบเบญจเพสเท่านั้น แต่ยังเป็นลูกที่ 100 ของเขาในฐานะแข้ง "ปีศาจแดง" ต่อจาก เวย์น รูนี่ย์ ตำนานหัวหอกรุ่นพี่ ด้วย
ฉะนั้นหาก แรชฟอร์ด ได้ลงสนามในเกมนี้ไม่ว่าจะในฐานะตัวจริงหรือตัวสำรอง เชื่อได้เลยว่าแฟนบอล "เร้ด อาร์มี่" จะได้เห็นทีเด็ดของดาวยิงหน้าหนูรายนี้ชัวร์
4. แนวรับแข็งแกร่ง, นายทวารเหนียวหนึบ
หลายคนต่างชื่นชมผลงานเกมรุกของ แมนฯ ยูฯ ในชุดปัจจุบัน แต่หากมองอย่างละเอียดเกมรับของพวกเขาคือจุดสำคัญที่ทำให้ทีมเก็บชัยชนะได้อย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา
แม้ว่าทีมจะขาด ราฟาแอล วาราน ที่ต้องพักรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บ แต่พวกเขาก็ได้ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ กลับมาร่วมทัพอีกครั้งหลังหายป่วยเรียบร้อยแล้ว
ขณะที่ ลิซานโดร มาร์ติเนซ กับ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ก็ทำหน้าที่คู่เซนเตอร์แบ็กได้ดีในเกมล่าสุดที่เฉือน เวสต์แฮม ขณะที่ ดีโอโก้ ดาโลต์ และ ลุค ชอว์ โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นทั้งเกมรับและรุกเช่นกัน
ส่วนอีกรายที่ต้องยกนิ้วโป้งให้ก็คือ ดาบิด เด เคอา เพราะเกมกับ "ขุนค้อน" หากไม่ได้สามซูเปอร์เซฟของเขาในช่วงท้ายเกม งานนี้ทีมคงไม่ได้สามแต้มเต็มอย่างแน่นอน ดังนั้นเชื่อว่า เทน ฮาก คงไม่ให้ โกลชาวสแปนิช ได้พักในแมตช์บุกซาน เซบาสเตียน แน่นอน
5. ต้องคว้าแชมป์กลุ่มให้ได้
"ปีศาจแดง" ต้องพยายามบุกไปเก็บสามคะแนนกับ โซเซียดาด ให้ได้ และไม่ใช่แค่ชนะเท่านั้น แต่ยังต้องชนะด้วยผลต่างสองประตูขึ้นไปเพื่อแซงเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่มด้วยกฎเฮด ทู เฮด ที่ดีกว่า
แล้วทำไมพวกเขาจึงต้องการเป็นแชมป์กลุ่มให้ได้ ? แม้ความจริง แมนฯ ยูฯ ผ่านรอบแบ่งกลุ่มไปแล้ว แต่หากพวกเขาจบในฐานะแชมป์กลุ่มจะได้ประโยชน์มหาศาลจากโปรแกรมในอนาคต
ตามกฎแล้ว 8 ทีมแชมป์กลุ่มจะได้เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายแบบอัตโนมัติ ขณะที่รองแชมป์กลุ่มจะต้องไปเพลย์ออฟเหย้า-เยือนกับทีมอันดับ 3 ที่ร่วงตกรอบแบ่งกลุ่ม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า
ลองนึกภาพบรรดาทีมอกหักจากถ้วย "บิ๊กเอียร์" อย่าง อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม, บาร์เซโลน่า, ชัคตาร์ โดเน็ทส์ค, เซบีย่า และยูเวนตุส ที่ต้องเป็นคู่แข่งของพวกเขา งานนี้ กุนซือชาวดัตช์ คงต้องกระตุ้นลูกทีมให้ระเบิดพลังถล่ม โซเซียดาด ให้ได้
ทอมเม้ง