ยังคงโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมสำหรับ ลิเวอร์พูล หลังจากในเกม ยูฟ่า ยูโรปา ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดสอง พวกเขาเปิดรัง แอนฟิลด์ ไล่ต้อน สปาร์ตัก ปราก คู่แข่งจากสาธารณรัฐเช็กไปแบบขาดลอยถึง 6-1
ผลงานดังกล่าวทำให้ ลิเวอร์พูล ทีมของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ ผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศได้แบบไม่ยากเย็นนัก และมันยังส่งผลให้มีเกร็ดที่น่าสนใจบางอย่างจากเกมนี้ด้วย ลองไปดูดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง
- รัวเร็ว
ถ้าจะบอกว่าเกมนัดสองมันรู้ผลตั้งแต่ไก่โห่ก็คงไม่ผิดนัก เพราะว่าเกมรุกของ ลิเวอร์พูล ทำผลงานได้ดีมากๆ จนนำห่าง 4-0 ตั้งแต่ช่วง 14 นาทีแรกเท่านั้น ส่งผลให้พวกเขาเป็นทีมที่นำคู่แข่ง 4 ลูก ในรายการระดับเมเจอร์ของถ้วยยุโรปเร็วที่สุดเป็นอันดับ 2 เลยทีเดียว
สำหรับทีมที่ครองอันดับ 1 ในชาร์ตนี้ได้แก่ เชลซี หลังจากในศึก ยูฟ่า คัพ วินเนอร์ส คัพ ฤดูกาล 1971-72 พวกเขาเคยเจอกับ เชาเนสส์ เฮาท์ชาราจ (ชื่อใหม่คือ ยูเอ็น แคร์เช็ง 97) ทีมจาก ลักเซมเบิร์ก และรัวได้ 4 ลูกหลังเริ่มเกมเพียงแค่ 13 นาที ในการแข่งรอบแรก นัดสอง โดยสุดท้ายเกมนั้น "สิงห์บลูส์" ชนะไปถึง 13-0
- ชนะขาดเป็นประวัติศาสตร์
อย่างที่รู้กันดีว่า ลิเวอร์พูล ผ่าน สปาร์ตัก ปราก ไปได้จากการชนะด้วยสกอร์รวมถึง 11-2 ซึ่งนี่ก็ทำให้มันเป็นการทาบสถิติการชนะเกมถ้วยยุโรปแบบเหย้า-เยือน แบบขาดลอยมากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์สำหรับลิเวอร์พูล เอง เพราะมันเท่ากับที่พวกเขาเคยไล่ต้อน โอพีเอส ทีมจากฟินแลนด์ 11-2 ในรอบแรกของศึก ยูโรเปี้ยน คัพ (ชื่อเดิมของ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก)
- ยิงเท่าสถิติ
จากการที่ ลิเวอร์พูล ทำได้รวมถึง 11 ประตูในรอบนี้ ทำให้พวกเขาทาบสถิติการเป็นทีมที่ทำประตูรวมทั้งนัดเหย้า-เยือน ต่อ 1 รอบได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของศึก ยูโรปา ลีก โดยเท่ากับที่ โอลิมปิก ลียง เคยไล่ต้อน อาแซด อัลค์มาร์ 11-2 ในรอบ 32 ทีมสุดท้ายของฤดูกาล 2016-17 แต่ครั้งนั้น "โอแอล" ไปถึงแค่รอบรองชนะเลิศ
- ปีฮอตของ นูนเญซ
นอกจากฤดูกาลนี้ ดาร์วิน นูนเญซ จะทำผลงานได้ดีขึ้นแล้วนั้น มันก็ต้องบอกว่านับตั้งแต่เข้าสู่ปี 2024 ดาวเตะชาวอุรุกวัยฟอร์มร้อนแรงเป็นพิเศษ เพราะเขามีส่วนร่วมกับประตูโดยตรงมากถึง 13 ลูกจากการลงเล่น 14 เกมในทุกรายการ แบ่งเป็นการยิงเอง 9 ประตูกับการทำได้ 4 แอสซิสต์
ด้วยเหตุนี้ นูนเญซ เลยกลายเป็น 1 ใน 2 นักเตะจากทีมใน พรีเมียร์ลีก ที่มีส่วนร่วมกับประตูโดยตรงในการลงเล่นทุกรายการมากที่สุดนับตั้งแต่ที่เข้าสู่ปีมังกร โดยอีกคนไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น เควิน เดอ บรอยน์ ยอดจอมทัพของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นั่นเอง
- เด็กเกร็ดบอล -