จากเกมบุกเสมอ ลูตัน ต่อด้วยเยือนถิ่นฝรั่งเศส พ่าย ตูลูส ช่องโหว่ของ ลิเวอร์พูล 2.0 เริ่มมีให้เห็นมากขึ้นเรื่อย ๆ
หากอ้างอิงตามที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ บอกไว้ตอนสุดสัปดาห์ว่าลูกทีมของเขามีปัญหาคือสร้างโอกาสไม่มากพอ
มาถึงเมื่อคืนวันพฤหัสบดี คือเสียการครองบอลง่ายดายเกินไป
"เราสมควรแพ้เพราะพวกเขาชนะการเข้าปะทะในจังหวะที่สำคัญตลอด มีหลายสถานการณ์ที่เราน่าจะชนะการแย่งบอล แต่เราทำไม่ได้"
"ที่แน่ ๆ เราเสียการครองบอลอย่างง่ายดายสองครั้งเป็นอย่างน้อย และมันเป็นหนึ่งประตู อีกครั้งผมไม่แน่ใจว่าประตูถูกริบคืนหรือเปล่า เกมรับของเราก็เช่นกันที่ไม่ดีพอ"
เกิดความน่ากังขาในตัว คอสตาส ซิมิกาส เพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว
แบ็กซ้ายกรีกสเกาเซอร์ โดนจับจ้องนับตั้งแต่ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน บาดเจ็บหัวไหล่จนต้องพักรักษาตัวนานหลายเดือน
เขาลงเล่นเป็นตัวจริง 2 เกมแรกในช่วงหลังจบโปรแกรมทีมชาติตอนเดือนตุลาคม คือนัดเจอ เอฟเวอร์ตัน และ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ จนเกมลีกล่าสุด โจ โกเมซ ได้โอกาสลงเล่นตำแหน่งนั้นที่เจอ ลูตัน ทาวน์
ถ้าเกมยูโรปา นัดที่ 4 รอบแบ่งกลุ่ม จะเป็นวันที่ ซิมิกาส ส่งสัญญาณไปถึงคนเป็นผู้จัดการทีมว่าตัวเองควรยึดตัวจริงต่อเนื่องแล้วล่ะก็
คงต้องบอกว่า เขาสอบไม่ผ่านแบบสิ้นเชิง
36 นาทีผ่านไป เป็นเกมที่ไม่มีทีมใดมีจังหวะลุ้นประตูสวย ๆ
ซิมิกาส เล่นแบบเฉื่อย ๆ ทั้งที่ยืนอยู่ในแดนตัวเอง การขาดสมาธิทำให้ อาร่อน ดอร์รุม ฉกบอลไปจากเขา
กองหน้า ตูลูส ลากบอลเข้าไปในกรอบ และยิงไปแฉลบ จาเรลล์ ควอนซาห์ จนบอลหนีมือ ควีวิน เคลเลเฮอร์
แน่นอน ซิมิกาส ไม่ได้อยากทำพลาดแบบนั้นอีก แต่ความมั่นใจจากจังหวะนั้นเริ่มหาย และยิ่งหายไปกันใหญ่เมื่อ คล็อปป์ ตัดสินใจเปลี่ยนเขาออกตอนพักครึ่ง
โดยคนที่ลงมาคือ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แล้วโยก โกเมซ คนที่ไม่ใช่แบ็กซ้ายอาชีพไปยืนแทนที่
ขณะเดียวกัน วาตารุ เอ็นโด เป็นอีกคนที่สอบตกกับการทดสอบงานในตำแหน่งกองกลางตัวรับ
ด้วยความที่ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ เตรียมติดโทษแบนเกมลีกนัดต่อไป ทำให้นัดนี้ ถือเป็นเกมที่ได้ทดสอบดาวเตะทีมชาติญี่ปุ่นแบบเต็ม ๆ
จากการที่แดนกลาง ลิเวอร์พูล หลายคนได้รับบาดเจ็บ ไม่ว่าจะเป็น ติอาโก้ อัลกันตาร่า, สเตฟาน บายเซติช, เคอร์ติส โจนส์ และ ไรอัน กราเฟนแบร์ก ทำให้ตัวเลือกของ คล็อปป์ มีจำกัด
ทว่าเป็น เอ็นโด เองที่ทำผลงานได้ไม่ดีกับการเล่นในเมืองน้ำหอม
เอ็นโด โดนถอดออกจากสนามในช่วงพักครึ่งเช่นเดียวกับ ซิมิกาส ซึ่งต้องยอมรับว่าเขาโชคดีด้วยซ้ำที่ได้อยู่ในสนามนานขนาดนั้น
เขามีโอกาสโดนใบเหลืองตั้งแต่ต้นเกมจากจังหวะฟาวล์ใส่ แว็งซ็องต์ ซิเอร์โร่ แต่โชคไม่ดีในจังหวะที่เล่นงาน ดัลลิงก้า ในอีกไม่นานหลังจากนั้น
จริง ๆ แล้วจังหวะฟาวล์ของเขามันก็ไม่ต่างกับชอตของ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่โดนใบแดงในเกมกับ โคเปนเฮเก้น เท่าไหร่
แต่ถ้าจังหวะนั้นเขาโชคดี ก็ต้องบอกว่า เอ็นโด ทำให้ตัวเองสุ่มเสี่ยงที่จะโดนใบเหลืองอีกใบในตอนที่ทำฟาวล์ คาสเซเรส ยังดีที่ผู้ตัดสินใจดีไม่ควักใบเหลืองออกมา
ในด้านการครองบอลนั้นเขาทำได้ดีพอก็จริง แต่ไม่ได้ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คุมเกมหรือกำหนดจังหวะการเล่นได้
เขาจำเป็นต้องยกระดับฟอร์มของตัวเองให้ได้ในเกมกับ เบรนท์ฟอร์ด ในวันอาทิตย์นี้
โดย เบรนท์ฟอร์ด น่าจะเล็งใช้เกมสวนกลับเร็วเล่นงาน ลิเวอร์พูล ในตอนที่มีโอกาส
HOSSALONSO