กราเฟนแบร์ค ปลดล็อก, โชต้า กลับมาแสบ! 5 ข้อ ลิเวอร์พูล กำราบ แซงต์ ชิลลัวส์ นิ่มเท้า

กราเฟนแบร์ค ปลดล็อก, โชต้า กลับมาแสบ! 5 ข้อ ลิเวอร์พูล กำราบ แซงต์ ชิลลัวส์ นิ่มเท้า
ลิเวอร์พูล เดินหน้าเก็บหกแต้มเต็มได้ตามความคาดหมายจากการทำศึก ยูโรปาลีก รอบแบ่งกลุ่มนัดสองของกลุ่ม อี ด้วยการเปิดบ้านสยบ อูนิยง แซงต์ ชิลลัวส์ ทีมจ่าฝูงลีก เบลเยี่ยม ลงได้ 2-0 จากการฟาดแข้งเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 ต.ค.โดยสองประตูของ หงส์แดง เกิดขึ้นในช่วงท้ายเกมของทั้งครึ่งแรกและครึ่งหลังจากฝีเกือกของ ไรอัน กราเฟนแบร์ค และ ดีโอโก้ โชต้า ตัวสำรองโดยเกมที่ แอนฟิลด์ มีห้าประเด็นที่น่าสนใจดังนี้

1. หงส์ ปรับอื้อส่ง อลิสซง เฝ้าเสา

เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล โรเตชั่นทีมหลายตำแหน่งตามคาด แต่ไม่อาจส่ง ควีวิน เคลเลเฮอร์ ลงสนามได้เนื่องจากนายทวารทีมชาติ ไอร์แลนด์ เข่าแตกจนต้องเย็บหลายเข็ม แต่คาดว่าเขาไม่น่าจะร้างสนามไปนาน

ยิ่งไปกว่านั้น กุนซือด๊อยช์ไม่ได้ส่งชื่อ อาเดรียน นายประตูสแปนิชลงเล่นในรายการนี้ด้วยจึงเดือดร้อนให้มือกาวทีมชาติ บราซิล ต้องกลับมาลงเฝ้าตาข่าย

นอกจากนี้ คล็อปป์ เลือกใช้งาน โม ซาลาห์ กลับมาออกสตาร์ตเช่นเดียวกับ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ที่ฟิตสมบูรณ์แล้ว และเมื่อเทียบตัวผู้เล่นจากเกม พรีเมียร์ลีก นัดล่าสุดที่ออกไปแพ้ สเปอร์ส 2-1 เครื่องจักรสีแดง ปรับทีมมากถึงเก้ารายโดยเหลือแค่ อลิสซง กับ ซาลาห์ ที่ลงเล่นใน แอนฟิลด์ เป็นเกมที่ 150 ของเขาพอดีอยู่ในโผ 11 คนแรก

2. อาคันตุกะใช้บริการพี่ชาย แม็ค อัลลิสเตอร์

อูนิยง แซงต์ ชิลลัวส์ บุกมาเยือน แอนฟิลด์ โดยส่ง เควิน แม็ค อัลลิสเตอร์ กองหลังพี่ชายของ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ มิดฟิลด์ ลิเวอร์พูล ลงเล่นเป็นตัวจริง ขณะที่ หงส์แดง จับดาวเตะเลือดฟ้าขาวนั่งเป็นตัวสำรองจึงต้องรอลุ้นในเกมว่าจะมีศึกสายเลือดหรือไม่

อย่างไรก็ดี รวมแล้วทีมจาก เบลเยี่ยม ปรับทัพสามจุดจากเกมแรกที่พวกเขาเสมอกับ ตูลุส 1-1 

3. กราเฟนแบร์ก ปลดล็อก

ว่ากันตามจริง ลิเวอร์พูล น่าจะได้ประตูในครึ่งแรกหลายเม็ดจากโอกาสที่จะแจ้งนับครั้งไม่ถ้วน แต่เผอิญว่า แอนโธนี่ โมริส นายทวารทีมเยือนโชว์ฟอร์มได้เหนียวหนึบโดยเซฟลูกอันตรายจาก ซาลาห์ และ ดาร์วิน นูนเญซ ได้อย่างน่าทึ่งหลายหน

อย่างไรก็ดี ก่อนที่เกมจะยุติด้วยผลเสมอ 0-0 อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ก็ลากบอลโต้ขึ้นมายิงไกลโดย โมริส น่าจะเซฟไม่ยาก แต่เขากลับทำบอลหลุดซองง่ายๆจนเปิดโอกาสให้ ไรอัน กราเฟนแบร์ค ปราดเข้าซ้ำพา หงส์แดง นำ 1-0 ในนาทีที่ 44 พร้อมทั้งเป็นประตูแรกของดาวเตะทีมชาติ ฮอลแลนด์ กับ เร้ด แมชีน โดยก่อนหน้านี้เขามีผลงานสองแอสซิสต์จากการลงเล่นเป็นตัวจริงรวมถึงเกมนี้สามนัด

นอกจากจะมีผลงานไม่แอสซิสต์ก็ยิงประตูได้จากสามเกมที่ลงเล่นเป็นตัวจริงให้ ลิเวอร์พูล ในทุกรายการแล้ว กราเฟนแบร์ค ยังเป็นดาวเตะดัตช์รายที่ห้าของสโมสรด้วยที่สอยตาข่ายในเกมยุโรปได้ถัดจาก ไรอัน  บาเบิ้ล , เดิร์ก เคาท์ , เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ และ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม

จบครึ่งแรก หงส์แดง ซึ่งได้เฮจากความผิดพลาดของนายทวารทีมเยือนออกนำแค่เม็ดเดียวเท่านั้นทั้งที่เหนือกว่าเป็นกระบุงไม่ว่าจะเป็นการครองบอล 75:25% โอกาสสับไก 11:3 ครั้ง และส่งบอลเข้ากรอบ 6:1 ครั้ง

4. ศึกสายเลือดบังเกิด

ในที่สุดศึกสายเลือดก็อุบัติขึ้นจนได้เมื่อ คล็อปป์ เปลี่ยนตัวสำรองในครึ่งหลังให้ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ลงสนามไปบู๊กับพี่ชายร่วมสายโลหิต

นอกจาก เควิน และ อเล็กซิส แล้ว ทั้งสองยังมีพี่ชายที่เล่นฟุตบอลเช่นกันคือ ฟรานซิส ซึ่งค้าแข้งในบ้านเกิดกับ โรซาริโอ เซนทรัล  แต่สำหรับเกมที่ แอนฟิลด์ แม้สุดท้ายแล้วจะจบลงด้วยชัยชนะของ ลิเวอร์พูล แต่ คาร์ลอส ซึ่งเป็นพ่อของสามลูกชาย และเคยค้าแข้งเช่นกันน่าจะจดจำเกมนี้ไปอีกนานเนื่องจากเขาเข้ามาเป็นสักขีพยานด้วย และได้เห็นสองทายาทอยู่ในสนามด้วยกันแม้จะเป็นคู่แข่งกันก็ตาม

ในส่วนของผลลัพธ์ แม้ แซงต์ ชิลลัวส์ จะสร้างปัญหาให้กับเจ้าบ้านได้มากขึ้นในครึ่งหลัง และมีโอกาสตีเสมอไม่น้อย แต่ลงเอยแล้ว ลิเวอร์พูล ยังแสดงให้เห็นว่าเป็นทีมที่เล่นเกมโต้กลับได้อย่างอันตรายเนื่องจากประตูแรกของ กราเฟนแบร์ค ก็เกิดจากเกมเคาน์เตอร์ แอ็ทแท็ค และสุดท้ายในช่วงทดเวลา โชต้า ก็อาศัยลูกโต้ที่เด็ดขาดซัดลูกปิดเกมให้กับ เร้ด แมชีน กำชัยไป 2-0 โดยหลังจบ 90 นาที ทีมดังของ พรีเมียร์ลีก ครองบอลได้มากกว่า 73:27% และได้ยิงทั้งหมด 19 เข้ากรอบ 9 ครั้ง ขณะที่ทีมเยือนได้ยิง 6 ครั้ง และเข้ากรอบ 2  ครั้ง

พร้อมกันนี้ ลิเวอร์พูล ยังสานต่อสถิติที่เหนือกว่าทีมจาก เบลเยี่ยม ได้ต่อไปเมื่อพวกเขากำชัยเหนือคู่แข่งชาตินี้ในเกมยุโรปที่ แอนฟิลด์ ได้แบบ 100% เต็มเพิ่มเป็นแปดนัดแล้วโดยที่สามารถซัดประตูได้ 19 ลูก และเสีย 5 ลูก พร้อมทั้งเก็บคลีนชีตได้ 4 นัด

5. ศึกสองสัตว์ปีก

หลังปราชัยเกม พรีเมียร์ลีก เป็นนัดแรกในซีซั่นนี้ให้กับ สเปอร์ส ลิเวอร์พูล จะลงเล่นเกมต่อไปในวันอาทิตย์บุกไปเยือน ไบรท์ตัน ซึ่งในวันเดียวกันทีมของ โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ ทำศึก ยูโรปาลีก เช่นกัน และฮึดไล่ตีเสมอ มาร์กเซย์ ทีมเจ้าบ้านได้อย่างหวุดหวิด 2-2 หลังตกเป็นรองก่อน 2-0 ในครึ่งแรก

แน่นอนว่าหลังจากมีผลงานในซีซั่นก่อนที่น่าประทับใจ นกนางนวล ออกอาการแผ่วลงไปในซีซั่นนี้อย่างน่าใจหายโดยเฉพาะการเสียประตูถี่ยิบจนทำให้แผงรุกต้องทำงานกันหนักมากขึ้น

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เชื่อว่าศึกสองสัตว์ปีกจะเป็นเกมที่สนุกตื่นเต้นเช่นเดิมเนื่องจากต่างก็เป็นทีมที่เน้นเดินหน้าเป็นหลัก และมีเกมรุกที่อันตรายทั้งคู่ แต่หากจะดูสถิติในระยะหลังก็ให้น่าเป็นห่วง หงส์แดง ไม่น้อยเนื่องจากเจ็ดนัดหลังในทุกรายการที่เผชิญหน้ากัน ทีมของ คล็อปป์ ชนะแค่นัดเดียวเท่านั้น และแพ้ไปถึงสามนัด แถมเกมวันอาทิตย์นี้ทีมจากเมอร์ซีย์ไซดจะไม่มี โชต้า กับ เคอร์ติส โจนส์ ที่ติดโทษแบนด้วย

กระนั้นก็ดี อย่างที่บอกไปว่าซีซั่นนี้ นกนางนวล มีผลงานที่ตกลงไป จึงน่าจะทำให้ ลิเวอร์พูล คลายความหนักใจลงไปได้เยอะเนื่องจากลูกทีมของ เด แซร์บี้ กำชัยได้แค่นัดเดียวเท่านั้นจากการลงบู๊หกนัดหลังในทุกรายการ แถมเสียประตูมากถึง 13 ลูก และยิงได้ 8 ลูก



ที่มาของภาพ : gettyimages,
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport