เกมแรก ยูโรปา ลีก ลิเวอร์พูล สอบผ่านรึเปล่า?!

เกมแรก ยูโรปา ลีก ลิเวอร์พูล สอบผ่านรึเปล่า?!
แม้จบลงด้วยชัยชนะ แต่ก็เป็นอีกเกมที่ ลิเวอร์พูล ต้องเสียเหงื่อเพิ่มขึ้นจากการถูกออกนำไปก่อน

การกลับออกไปด้วย 3 แต้มทำให้นับเป็นชัยชนะที่ 50 ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ บนเวทียุโรปกับ ลิเวอร์พูล 

เขาก้าวขึ้นไปเป็นผู้จัดการทีมคนแรกที่มีตัวเลขไปยังจุดนั้น หลังครองสถิติร่วมกับ ราฟาเอล เบนิเตซ ที่ 49 หน

ข้อผิดพลาดที่เกมกับ แอลเอเอสเค ลินซ์ ยังมีเหมือนเกมก่อน ๆ แต่ ลิเวอร์พูล ก็ยังสามารถกลับมาได้เช่นเดียวกันนัดอื่น ๆ ในซีซั่นนี้

ครึ่งแรกแย่ ครึ่งหลังดี แทบถอดแบบจากเกมเจอ วูล์ฟส์ ไม่มีผิด

11 ตัวจริงเป็นการเปลี่ยนยกชุดที่ โมลินิวซ์ ซึ่งถือเป็นการเดิมพันที่สุ่มเสี่ยง 

แต่นั่นไม่ใช่ข้ออ้างที่ว่า ฟอร์มครึ่งแรกไม่ก่อให้เกิดความประทับใจ

เพราะการเปลี่ยนที่ว่านั้น พวกเขายังมีเซนเตอร์แบ็กคู่ตัวจริง เฟอร์กิล ฟาน ไดค์-อิบราฮิม่า โกเนเต้ รวมถึงแนวรุกที่มี ดาร์วิน นูนเญซ กับ หลุยส์ ดิอาซ

เสียบอลง่าย ตัดสินใจผิดพลาด ไม่แปลกเลยที่จะโดนเจ้าถิ่นออกนำไปก่อน

ครึ่งหลังก็อีกเรื่อง มันเป็นภาวะที่บีบบังคับให้ ลิเวอร์พูล ถีบตัวเองขึ้นมา

"เราสูญเสียความมั่นใจ และเสียสมาธิ มันเพิ่มมากขึ้นอย่างไม่สมเหตุสมผล มนุษย์มักทำเรื่องที่ไม่สมเหตุผล" เจอร์เก้น คล็อปป์ ว่าเอาไว้หลังเกม

"เราบอกกับพวกเขาว่าต้องกำจัดความหงุดหงิดออกไป และจากนั้นเราก็มีโอกาสดีที่จะพลิกสถานการณ์ และเราทำได้ในที่สุด"

ดาร์วิน ตามตีเจ๊า ก่อนจะได้ตัวสำรองคุณภาพ แค่เปลี่ยนก็จบ

อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์, โดมินิค โซโบซไล และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์

ชื่อเหล่านี้คือทำให้เกมพลิกเป็นอีกด้าน

ประตูจาก ดิอาซ และ ซาลาห์ แสดงให้เห็นถึงคุณภาพ 

สเตฟาน บายเซติช ไม่ได้เล่นดีถึงขนาดน่ายกย่องก็จริง แต่บทบาทที่เขาได้รับในเกม ยูโรปา ลีก มันก็น่าสนใจไม่น้อย

ประเด็นที่ว่า เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ไม่ได้ลงเล่น แล้วใครจะยืนแทน ?

ที่ ออสเตรีย.. คอเนอร์ แบร็ดลี่ย์ เจ็บ ส่วน โจ โกเมซ ได้พัก แล้วก็พบอีกทางเลือกหนึ่ง

คือการจับ บายเซติช ออกสตาร์ทพื้นที่ตรงนั้นกับบทบาท Inverted Full-Back

มันไม่แน่แปลกอะไร เมื่อมองว่าตอนที่ บายเซติช เข้ามาอยู่อะคาเดมี่ ลิเวอร์พูล นั้นเขาเข้ามาในฐานะเซนเตอร์แบ็ก ก่อนจะผันตัวมาเป็นมิดฟิลด์เมื่อซีซั่นก่อน

ดังนั้น พื้นเพการเล่นกองหลังจึงยังมีอยู่ในตัว

อย่างไรก็ตาม การห่างหายเกมจริงไปนานตั้งแต่ 11 มีนาคม 2023 กอปรกับตำแหน่งที่ไม่คุ้นเคย และการได้รับความช่วยเหลือรอบตัวมีน้อยเกินไป

ความยากมันเลยมากขึ้น 

ช่วงครึ่งแรก บายเซติช มีความสมดุลกับการยืนตำแหน่ง ทั้งแบ็กขวา และหุบเข้าในตอนที่ทีมเซตเกม

ส่วน 15 นาทีแรกของครึ่งหลัง เราเห็นประโยชน์จากการเล่นมิดฟิลด์ 

บายเซติช เคลื่อนที่เข้าตรงกลางมากขึ้นเพื่อช่วย ลิเวอร์พูล ครองเกม 

และอีกหนึ่งสิ่งที่เห็นคือการวางบอลยาวที่ทำออกมาได้ดี

บายเซติช มีส่วนสำคัญในการที่ ลิเวอร์พูล ได้ลูกจุดโทษ เมื่อตะลุยบอลถึงเส้นหลัง แล้วตบมาหน้าประตูก่อนที่ หลุยส์ ดิอาซ โดนทำฟาวล์

การที่เขาเล่นได้ทั้งกองกลาง และมีทักษะกองหลังเป็นทุนเดิม มันทำให้ บายเซติช ไม่ได้ทิ้งกลิ่นอายของ เทรนท์ ในบทบาทนี้มากนัก

.

.

.

ตอนสกอร์กลับมาเสมอกัน 1-1 ไรอัน กราเฟนแบร์ก วิ่งทะลวงแนวรับทีมเจ้าถิ่น

เขาเงยหน้ามอง 1 ครั้ง และพอได้บอลจาก ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ นั้น กราเฟนแบร์ก ก็ครอสบอลต่ำ ๆ ไปหา ดิอาซ

ทันทีที่ ดิอาซ ส่งบอลซุกก้นตาข่าย มันก็กลายเป็นแอสซิสต์แรกของ กราเฟนแบร์ก กับ ลิเวอร์พูล ทันที

จริง ๆ กับการเป็นตัวจริงช่วง 45 นาทีแรก กราเฟนแบร์ก เริ่มต้นด้วยความลำบากไม่น้อยเลยนะครับ

แต่เขาก็แสดงให้เห็นถึงทักษะที่พอจะเห็นเหตุผลแล้วว่าทำไม คล็อปป์ ถึงอยากได้ตัวมาร่วมทัพ

เป็นอีกครั้งที่ กราเฟนแบร์ก เล่นด้วยความเฉลียวจนทำให้ตัวเองอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับการรับบอลมาเล่นก่อนที่จะพลิกตัวเพื่อพาบอลขึ้นหน้า

กราเฟนแบร์ก เป็นคนที่มุ่งมั่นกับการเล่นเกมรุก และมีความเชี่ยวชาญในการพาบอลบุกขึ้นหน้า 

เขาโชว์ฟอร์มอันโดดเด่นแบบนั้นได้กับที่ อาแจ็กซ์ และเกมนี้เขาก็ช่วยทำให้ ลิเวอร์พูล บุกขึ้นหน้าแบบดุดันได้ 

สรีระสูงโปร่ง แต่คงไว้ด้วยความแข็งแกร่งตรงแกนกลางลำตัวทำให้เขาเปลี่ยนทิศทางการเล่นได้อย่างรวดเร็ว และพาบอลบุกขึ้นหน้าแบบว่องไว

กราเฟนแบร์ก จับบอลได้สวย ๆ และประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมได้ดีหลายครั้ง

เช่นชอตทำชิ่งกับ เอลเลียตต์ ตอนครึ่งแรกที่เกือบทำให้ตัวเขามีชื่อทำสกอร์

อย่างไรก็ตาม กราเฟนแบร์ก ยังมีจังหวะที่เล่นติดขัดอยู่บ้าง ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเมื่อพิจารณาถึงเรื่องที่ฤดูกาลก่อนเขาได้ลงเล่นกับ บาเยิร์น มิวนิค น้อยมาก ๆ 

การผ่านบอลในจังหวะสุดท้ายหลายจังหวะยังขาดความเด็ดขาดอยู่ แต่เขาก็ไม่ใช่คนเดียวที่เป็นแบบนั้น เพราะครึ่งแรกเกือบทั้งทีมทำผลงานได้น่าผิดหวัง

ครึ่งเวลาหลัง กราเฟนแบร์ก เล่นได้ดีขึ้น และพอเกมเปิดกว้าง เขาก็ดูเล่นได้คล่องกว่าเดิม 

ทั้งตอนที่ได้ครองบอลและตอนที่ไม่ได้ครองบอล

เรื่องแย่เพียงอย่างเดียวของเกมนี้คือการที่เขาต้องเดินกะโผลกกะเผลกออกจากสนามในช่วง 17 นาทีสุดท้าย 

แต่หากอ้างอิงจาก แดนนี่ เจมีสัน เหยี่ยวข่าว TNT 

เขาบอกว่า กราเฟนแบร์ก แค่เป็นตะคริวจึงถูกเปลี่ยนตัวออก เพราะนี่เป็นเกมแรกที่เขาได้ลงเล่นยาว ๆ

.

.

.

ช่างเป็นสัปดาห์ที่ว้าวุ่นสำหรับ เบน โด๊ค เสียเหลือเกิน

เพิ่งสะบัดน้ำหมึดจรดปากกาเซ็นสัญญาระยะยาวกับ ลิเวอร์พูล ไม่ทันไรก็ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงทีมชุดใหญ่ครั้งแรกที่ ไรเฟเซน อารีน่า

พัฒนาการของ โด๊ค ได้รับการจับตามาตลอดนับตั้งแต่เขาย้ายมาอยู่ที่นี่เมื่อช่วงซัมเมอร์ 2022

ที่ผ่านมา มีข้อเสนอขอยืมตัววางบนโต๊ะมากมายเพื่อให้ ลิเวอร์พูล พิจารณายินยอม

แต่ คล็อปป์ ปฏิเสธ และยืนกรานว่าเด็กวัย 17 ปีรายนี้อยู่ในแผนการทำทีมของเขา

ในวันที่ ซาลาห์ มีชื่อบนม้านั่งสำรอง นี่คือโอกาสทองที่ โด๊ค จะทำให้ทุกคนประทับใจ

ช่วงที่ ลิเวอร์พูล เล่นไม่ดีนักในช่วงครึ่งแรกโด๊ค เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ทำผลงานได้น่าประทับใจ

เขาเอาชนะ เรเน่ เรนเนอร์ ในทุกจังหวะ ด้วยความเร็วและลูกฉลาด

ขณะเดียวกัน วัยรุ่นสกอตช์ ก็มีจังหวะครอสบอลครั้งหนึ่ง ทว่าหลุดเสาไกลออกหลัง

โด๊ค ที่ก่อนหน้านี้เล่นให้ทีมชุดใหญ่ให้ ลิเวอร์พูล ไป 6 นัด แต่ในฐานะตัวสำรองทั้งหมด มาเกมนี้กับการเป็นตัวจริงถือว่าทำผลงานได้ดีระดับหนึ่ง

ไม่ใช่ทุกครั้งที่เขาพยายามตั้งหน้าตั้งตาแต่จะกระชากหนีคู่แข่ง 
แต่เขายังพยายามเรียกบอลอยู่เรื่อย ๆ และพอเสียบอลก็พยายามอย่างหนักเพื่อที่จะแย่งบอลกลับมาให้ได้
ผ่านไป 60 นาที คล็อปป์ เลือกเปลี่ยนตัวออก
แล้ว โด๊คได้เพียงนั่งดูในตอนที่ ลิเวอร์พูล กุมสถานการณ์ได้แล้วหลังออกสตาร์ตได้ค่อยดี
แต่ โด๊ค สามารถภูมิใจกับงานของตัวเองได้เลย

HOSSALONSO



ที่มาของภาพ : GETTY IMAGE
BY : Hossalonso
ธีรศานต์ คงทอง
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport