ก่อน เซบีย่า ชุดล่าสุด! ย้อนรอย 8 ทีมร่วงจาก ชปล. มาคว้าแชมป์ ยูฟ่า คัพ/ยูโรปา ลีก

ก่อน เซบีย่า ชุดล่าสุด! ย้อนรอย 8 ทีมร่วงจาก ชปล. มาคว้าแชมป์ ยูฟ่า คัพ/ยูโรปา ลีก
จบกันไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับศึก ยูฟ่า ยูโรปา ลีก นัดชิงชนะเลิศประจำฤดูกาล 2022-23 โดยแชมป์ได้แก่ เซบีย่า ที่ได้แชมป์ไปครองเป็นสมัยที่ 7 หลังจากพวกเขาเอาชนะ อาแอส โรม่า ในช่วงดวลจุดโทษไปได้

แน่นอนว่ามุมหนึ่งก็ยกย่อง เซบีย่า กับความสำเร็จครั้งล่าสุดของพวกเขา แต่อีกมุมหนึ่งนั้นหลายคนกลับไปตั้งประเด็นว่ามันเหมาะสมหรือไม่ที่ทีมซึ่งตกรอบมาจาก แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้มาเล่นรายการนี้แล้วมาแย่งแชมป์กับทีมที่เล่น ยูโรปา ลีก ตั้งแต่แรก เพราะที่จริง เซบีย่า ร่วงมาจากรอบแบ่งกลุ่มของศึกชิงถ้วยบิ๊กเอียร์ ก่อนจะเดินหน้ามาได้เรื่อยๆ จนได้แชมป์ไปครอง

ทั้งนี้ โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือ โรม่า ก็เคยแสดงความไม่พอใจมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วที่ทีมซึ่งตกรอบแบ่งกลุ่มของ แชมเปี้ยนส์ ลีก กลับได้มาเล่นรายการ ยูโรปา ลีก ต่อ และ เซบีย่า ชุดล่าสุดก็ถือเป็นทีมที่ 9 ที่ร่วงจาก แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่กลับได้แชมป์ ยูโรปา ลีก/ยูฟ่า คัพ เป็นการปลอบใจในบั้นปลาย ลองไปดูกันหน่อยว่า 8 ทีมก่อนหน้านี้มีใครบ้าง

: แอต. มาดริด ฤดูกาล 2017-18

ทีมของกุนซือ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ได้แค่ที่ 3 ในกลุ่ม ซี ของ แชมเปี้ยนส์ ลีก ในกลุ่มที่มี โรม่า กับ เชลซี ได้เข้ารอบน็อกเอาต์ ทำให้พวกเขาต้องหล่นมาเล่นใน ยูโรปา ลีก โดยเริ่มจากการเจอกับ โคเปนเฮเก้น ในรอบ 32 ทีมสุดท้าย ซึ่งจบลงจากการชนะด้วยสกอร์รวม 5-1

"ตราหมี" เดินหน้าเก็บชัยได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการถล่ม โลโคโมทีฟ มอสโก 8-1 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย, เฉือน สปอร์ติ้ง ลิสบอน 2-1 ในรอบก่อนรองชนะเลิศ, พิชิต อาร์เซน่อล 2-1 ในรอบรองชนะเลิศ ก่อนจะไปเจอกับ มาร์กเซย ซึ่งเป็นทีมที่เล่น ยูโรปา ลีก มาตั้งแต่แรก และ แอต. มาดริด ก็ชนะไปแบบไม่ยากเย็นนักด้วยสกอร์ 3-0

: เซบีย่า ฤดูกาล 2015-16

ฤดูกาลนั้น เซบีย่า อยู่ในกลุ่ม ดี ของ แชมเปี้ยนส์ ลีก ร่วมกับ แมนฯ ซิตี้, ยูเวนตุส และ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ซึ่งสุดท้ายพวกเขาก็ต้องทนเห็น "เรือใบสีฟ้า" กับ "เบียงโคเนรี่" ได้เดินหน้าเข้าสู่รอบต่อไป โดยที่ตัวเองต้องหล่นไปเล่น ยูโรปา ลีก

ในรอบ 32 ทีมสุดท้าย เซบีย่า เอาชนะ โมลด์ 3-1 ก่อนจะไปไล่ต้อน บาเซิ่ล 3-0 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ต่อด้วยการผ่าน แอธเลติก บิลเบา ในรอบก่อนรองชนะเลิศด้วยการดวลจุดโทษ ส่วนในรอบรองชนะเลิศพวกเขาชนะ ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค 5-3 จนทำให้ได้ตีตั๋วเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไปดวลกับ ลิเวอร์พูล ซึ่งซีซั่นนั้น "หงส์แดง" เล่นรายการ ยูโรปา ลีก มาตั้งแต่ต้น และ เซบีย่า ก็เก็บชัยไป 3-1

: เชลซี ฤดูกาล 2012-13

"สิงห์บลูส์" มีผลงานน่าผิดหวังใน แชมเปี้ยนส์ ลีก เพราะทีมที่ได้เข้ารอบน็อกเอาต์จากกลุ่มของพวกเขาในตอนนั้นคือ ยูเวนตุส กับ ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค ซึ่งตอนนั้นบางคนก็ตั้งคำถามว่า เชลซี จะจริงจังแค่ไหนกับการเล่น ยูโรปา ลีก

อย่างไรก็ตาม เชลซี ภายใต้การกุมบังเหียนของ ราฟาเอล เบนิเตซ ซึ่งเป็นกุนซือชั่วคราวของทีมในตอนนั้นกลับทำผลงานได้น่าประทับใจใน ยูโรปา ลีก หลังผ่านทั้ง สปาร์ต้า ปราก 2-1 ในรอบ 32 ทีมสุดท้าย,ทุบ สเตอัว บูคาเรสต์ 3-0 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย, เฉือน รูบิน คาซาน 5-4 ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย และพิชิต บาเซิ่ล 5-2 ในรอบรองชนะเลิศจนทำให้ได้เจอกับ เบนฟิก้า ในนัดชิงดำ โดยที่ เบนฟิก้า ก็ตกมาจาก แชมเปี้ยนส์ ลีก เหมือนกับพวกเขา และสุดท้าย เชลซี ก็ชนะไป 2-1

: แอต. มาดริด ฤดูกาล 2009-10

"ตราหมี" ไม่ชนะใครเลยในรอบแบ่งกลุ่มของ แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นนั้นจนปล่อยให้ เชลซี กับ ปอร์โต้ ได้เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ส่วนพวกเขาก็ต้องมาเล่นใน ยูโรปา ลีก ซึ่งทีมแรกที่รอพวกเขาอยู่คือ กาลาตาซาราย ในรอบ 32 ทีมสุดท้าย โดยที่ แอต. มาดริด ชนะไป 3-2

ทั้งนี้ ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายกับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน, รอบก่อนรองชนะเลิศกับ บาเลนเซีย และรอบรองชนะเลิศกับ ลิเวอร์พูล นั้น แอต. มาดริด ผ่านไปได้ด้วยกฎประตูทีมเยือนทั้งหมด แถมสกอร์รวมยังเป็น 2-2 ทั้งหมดอีก ส่งผลให้ในรอบชิงชนะเลิศพวกเขาได้ไปดวลกับ ฟูแล่ม ที่เล่นรายการนี้มาตั้งแต่ต้น และทีมดังจากสเปนก็ได้แชมป์ไปเชยชมจากการชนะ 2-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ

: ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค ฤดูกาล 2008-09

หลายคนไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่ ชัคตาร์ ได้อันดับ 3 ในกลุ่ม ซี ของ แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นนั้น เพราะพวกเขาอยู่ในกลุ่มเดียวกับ บาร์เซโลน่า, สปอร์ติ้ง ลิสบอน และ บาเซิ่ล โดย 2 ทีมที่ได้เข้ารอบน็อกเอาต์คือ บาร์เซโลน่า กับ สปอร์ติ้ง

ในรอบ 32 ทีมสุดท้ายของ ยูฟ่า คัพ นั้น ชัคตาร์ เจองานหินพอตัวเพราะต้องชนกับ สเปอร์ส แต่พวกเขาก็ชนะมาได้ด้วยสกอร์รวม 3-1 ส่วนในรอบ 16 ทีมสุดท้ายพวกเขาเฉือน ซีเอสเคเอ มอสโก 2-1 ขณะที่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ชัคตาร์ คว้าชัยเหนือ มาร์กเซย 4-1 ก่อนจะไปทำศึกแห่งศักดิ์ศรีกับ ดินาโม เคียฟ ทีมร่วมประเทศในรอบตัดเชือก ซึ่ง ชัคตาร์ เอาชนะไป 3-2 ทำให้ในรอบชิงดำ ชัคตาร์ ได้เจอกับ แวร์เดอร์ เบรเมน ที่หล่นมาจาก แชมเปี้ยนส์ ลีก แบบเดียวกับพวกเขา และสุดท้าย ชัคตาร์ ก็ชนะด้วยสกอร์ 2-1

: ซีเอสเคเอ มอสโก ฤดูกาล 2004-05

เชลซี กับ ปอร์โต้ คือ 2 ทีมที่ทำอันดับได้ดีกว่า ซีเอสเคเอ ในรอบแบ่งกลุ่มของ แชมเปี้ยนส์ ลีก นั่นทำให้ทีมดังจากรัสเซียต้องหล่นมาเล่น ยูฟ่า คัพ โดยพวกเขาเริ่มต้นได้สวยจากการชนะ เบนฟิก้า 3-1 ในรอบ 32 ทีมสุดท้าย ก่อนจะไปทุบ ปาร์ติซาน เบลเกรด ด้วยสกอร์เดียวกันในรอบ 16 ทีมสุดท้าย

พอถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ ซีเอสเคเอ เอาชนะ โอแซร์ ไปได้ 4-2 ส่วนในรอบรองชนะเลิศพวกเขาเจอกับ ปาร์ม่า และทีมดังจากรัสเซียก็ชนะไป 3-0 จนทำให้ตีตั๋วไปเจอกับ สปอร์ติ้ง ในรอบชิงชนะเลิศ โดยที่ สปอร์ติ้ง อยู่ในรายการนี้มาตั้งแต่แรก และ ซีเอสเคเอ ก็ได้แชมป์ไปนอนกอดจากการชนะ 3-1

: เฟเยนูร์ด ฤดูกาล 2001-02

บาเยิร์น มิวนิค กับ สปาร์ต้า ปราก คือ 2 ทีมที่ได้เข้าสู่รอบน็อกเอาต์ของ แชมเปี้ยนส์ ลีก ในกลุ่มเดียวกับ เฟเยนูร์ด ทำให้ทีมดังของฮอลแลนด์ต้องร่วงมาเล่นที่ ยูฟ่า คัพ ซึ่งสมัยนั้นเริ่มตั้งแต่รอบ 3 โดยคู่แข่งทีมแรกคือ ไฟร์บวร์ก และพวกเขาก็ชนะไป 3-2

พอถึงรอบ 4 เฟเยนูร์ด ก็ผ่าน เรนเจอร์ส ไปด้วยสกอร์ 4-3 ส่วนในรอบก่อนรองชนะเลิศพวกเขาดวลกับ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ทีมร่วมประเทศ ซึ่ง เฟเยนูร์ด ชนะในช่วงดวลเป้าไปได้ ขณะที่รอบรองชนะเลิศ เฟเยนูร์ด สู้กับ อินเตอร์ มิลาน ได้อย่างสนุกจนชนะไป 3-2 ส่งผลให้พวกเขาได้เจอกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งที่จริง ดอร์ทมุนด์ ก็ร่วงมาจาก แชมเปี้ยนส์ ลีก เช่นเดียวกัน และ เฟเยนูร์ด ก็เก็บชัยด้วยสกอร์ 3-2

: กาลาตาซาราย ฤดูกาล 1999-00

นั่นเป็นฤดูกาลแรกที่มีการให้ทีมที่ได้อันดับ 3 ในรอบแบ่งกลุ่มของ แชมเปี้ยนส์ ลีก มาเล่นใน ยูฟ่า คัพ ในซีซั่นเดียวกัน ซึ่ง กาลาตาซาราย ก็เป็นหนึ่งในนั้น เพราะพวกเขาได้อันดับ 3 ในกลุ่ม โดยที่ เชลซี กับ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน ได้เข้ารอบต่อไปของ แชมเปี้ยนส์ ลีก

ในรอบ 3 กาลาตาซาราย เฉือนชนะ โบโลญญ่า 3-2 ส่วนที่เจอกับ ดอร์ทมุนด์ ในรอบ 4 นั้น พวกเขาชนะไป 2-0 ขณะที่ในรอบก่อนรองชนะเลิศกับ เรอัล มายอร์ก้า ทีมของกุนซือ ฟาติห์ เตริม ชนะด้วยสกอร์ขาดลอยถึง 6-2 ทำให้พวกเขาได้ไปเจอกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด ในรอบรองชนะเลิศ ซึ่ง กาลาตาซาราย ก็ผ่านไปได้ด้วยสกอร์ 4-2

ในรอบชิงชนะเลิศ กาลาตาซาราย ได้เจอกับ อาร์เซน่อล ซึ่งก็ร่วงมาจากรอบแบ่งกลุ่มของ แชมเปี้ยนส์ ลีก เช่นเดียวกัน โดยเกมนี้จบลงด้วยสกอร์ 0-0 ทั้งในเวลาปกติและช่วงต่อเวลาพิเศษ ทำให้ต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ และเป็น กาลาตาซาราย ที่ได้เฮจากการชนะไป 4-1


- เด็กเกร็ดบอล -


ที่มาของภาพ : gettyimages
BY : เด็กเกร็ดบอล
เด็กเกร็ดบอล
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport