ศึก ยูโรปา ลีก รอบเพลย์ ออฟ นัดแรก ที่ คัมป์ นู ระหว่าง บาร์เซโลน่า และแมนฯ ยูไนเต็ด จบลงด้วยการเสมอกันอย่างเมามัน 2-2
และต่อไปคือสิ่งที่ท่านผู้ชมทางบ้านอย่างผมอยากจะบอกแบบพอสังเขป
1. จบเกมด้วยอารมณ์และความรู้สึก 2 แบบ คือ...
ใจหนึ่งก็เสียดายที่ไม่ชนะ เพราะ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่เคยบุกไปชนะ บาร์ซ่า เลยสักครั้ง
ใจหนึ่งก็โอเคย์แล้วที่รอดพ้นจากความปราชัย เพราะช่วงท้ายเกมโดนขย่มจนเกือบเหมือนกัน
2. รูปเกมของ 'ปีศาจแดง' ไม่ได้เป็นรองอย่างที่คิดเอาไว้ในตอนแรก อีกทั้งยังสามารถบุกกดดันเจ้าถิ่นได้เป็นช่วงๆ ซะด้วย
ตอนตามหลัง 1-0 ก็ไม่คิดว่าจะกลับมาได้เร็วขนาดนั้น แถมยังแซงนำเป็น 2-1 ได้อีกตะหาก
แต่หลังจากขึ้นนำดันเหยาะแหยะไปหน่อย
จังหวะที่ถูกตีเสมอ กาเซมิโร่ จ่ายบอลพลาดแบบไม่น่าพลาด
3. ชอบจังหวะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ประตูที่ 2 มันโรคจิตดีครับ
ลูกเตะมุมทางขวา เล่นลูกสั้น ลุค ชอว์ เขี่ยบอลให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด โดยมีผู้เล่นของ บาร์ซ่า ยืนบังทางอยู่
แต่ ดร.แรช ไม่สน พลันกระชากหนีดื้อๆ เลาะเส้นหลัง ก่อนยัดเข้ามาตรงกลาง
ส่วนประตูแรกก็เหลือแดกสุดๆ ตรงที่เจตนาตะบันมุมแคบยัดเสาแรกแบบโคตรจิต
แรชฟอร์ด เวลาเล่นเป็นหน้าเป้า สามารถส่ายไปส่ายมา เพื่อหาพื้นที่ได้หลากหลายกว่า ขณะที่ เวาท์ เวกฮอร์สต์ มีประโยชน์มากกว่า เมื่อถอยลงไปเล่นเป็นหน้าต่ำ
4. เอริค เทน ฮาก ได้ใบเหลือง เพราะโวยผู้ตัดสิน เมาริซิโอ มาริอานี่ ที่ 2 มาตรฐาน
จังหวะที่ แรชฟอร์ด โดนแซะจนเสียหลักล้มในเขตโทษ ดูด้วยตาเปล่ายังคิดว่าน่าจะฟาวล์ คือถ้าไม่ใช่จุดโทษ ก็ต้องได้ฟรีคิก
ดูภาพช้าก็ฟาวล์จริงๆ (แต่คนพากย์น่าจะหลับอยู่ ไม่ยอมพูดถึง)
พี่แกกลับให้เล่นต่อซะงั้น ก่อนจะบรรจงมอบฟรีคิกให้ บาร์ซ่า ที่บุกกลับมาในจังหวะต่อเนื่อง
ตกลงมันยังไง คือโดนแซะจนคว่ำเหมือนกัน จังหวะหนึ่งไม่ฟาวล์ จังหวะหนึ่งฟาวล์
โธ่...อ้ายฟายยย !!!
5. แมตช์ต่อไปที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด แมนฯ ยูไนเต็ด จะได้ มาร์เซล ซาบิตเซอร์ และลิซานโดร มาร์ติเนซ กลับมาจากโทษแบน
เกมรับของ บาร์เซโลน่า ไม่ได้เหนียวแน่นและแข็งแกร่งอะไรมากมาย น่าเสียดายที่ไม่มีกฎอะเวย์โกลแล้วจึงต้องมีผู้แพ้-ผู้ชนะสถานเดียวเท่านั้น
ปัญหาคือหลังจบเกม พวกเขาจะได้พักน่องแค่ 2 วัน ก่อนทำศึก คาราบาว คัพ นัดชิงชนะเลิศ
ทางที่ดีอย่าให้ยืดเยื้อถึงต่อเวลา
"บอ.บู๋"