ก๊วนคนช้ำซ้ำสอง!ย้อนดู 3 ทีมแพ้นัดชิงเกมถ้วยยุโรป 2 ซีซั่นติด

ก๊วนคนช้ำซ้ำสอง!ย้อนดู 3 ทีมแพ้นัดชิงเกมถ้วยยุโรป 2 ซีซั่นติด
บทสรุปของศึก ยูฟ่า ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก ประจำฤดูกาล 2023-24 จบลงด้วยความสุขของ โอลิมเปียกอส หลังจากพวกเขาเอาชนะ ฟิออเรนติน่า 1-0 ในช่วงต่อเวลาพิเศษของนัดชิงชนะเลิศ ซึ่งนี่ถือเป็นหนแรกในประวัติศาสตร์ที่มีสโมสรจากกรีซได้แชมป์ในระดับทวีปยุโรป

ในทางตรงกันข้าม นี่คือฤดูกาลที่ 2 ติดต่อกันที่ ฟิออเรนติน่า ต้องน้ำตาตก เพราะซีซั่นก่อนพวกเขาก็แพ้ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในนัดชิงชนะเลิศของถ้วยนี้เช่นกัน แต่ทัพ "ม่วงมหากาฬ" ก็ไม่ใช่ทีมแรกที่แพ้ในนัดชิงดำของฟุตบอลถ้วยยุโรปรายการเดิม 2 ซีซั่นติดแต่อย่างใด

- เบนฟิก้า (ยูโรปา ลีก 2012-13 และ 2013-14)

หลังได้เพียงอันดับ 3 ในรอบแบ่งกลุ่มของ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2012-13 เบนฟิก้า ก็ต้องหล่นมาเล่นใน ยูโรปา ลีก โดยเริ่มต้นตั้งแต่รอบน็อกเอาต์ ซึ่งพวกเขาก็เอาชนะ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น 3-1 ในรอบ 32 ทีมสุดท้าย, ทุบ บอร์กโดซ์ 4-2 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย, พิชิต นิวคาสเซิ่ล ด้วยสกอร์เดียวกันในรอบก่อนรองชนะเลิศ และชนะ เฟเนร์บาห์เช่ 3-2 ในรอบรองชนะเลิศ

สุดท้าย เบนฟิก้า ก็ได้เจอกับ เชลซี ในนัดชิงดำที่ อัมสเตอร์ดัม อารีน่า โดยตอนนั้นพวกเขามี ออสการ์ การ์โดโซ่ หัวหอกชาวปารากวัยเป็นแกนหลักในการทำประตูเพราะเจ้าตัวยิงในรายการดังกล่าวได้ถึง 6 ลูกก่อนถึงนัดชิงดำ ซึ่งวันนั้น การ์โดโซ่ ซัดลูกจุดโทษให้ทีมได้ด้วย แต่สุดท้าย "เหยี่ยวลิสบอน" ก็แพ้ไป 1-2

พอถึงซีซั่น 2013-14 เบนฟิก้า ก็ได้สิทธิ์เล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก เหมือนเดิม แต่เป็นอีกครั้งที่พวกเขาได้เพียงอันดับ 3 ของรอบแบ่งกลุ่มจนทำให้ต้องหล่นมาเล่น ยูโรปา ลีก เหมือนกับฤดูกาลก่อน โดยในรอบ 32 ทีมสุดท้ายพกวเขาไล่ต้อน พีเอโอเค 4-0 ก่อนที่รอบ 16 ทีมสุดท้ายจะเจอกับ สเปอร์ส แต่ก็ชนะไปได้ 5-3

ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย เบนฟิก้า คว่ำ อาแซด อัลค์มาร์ 3-0 ขณะที่ในรอบรองชนะเลิศแม้จะต้องเจอกับทีมระดับ ยูเวนตุส แต่พวกเขาก็ยังชนะไป 2-1 โดยคู่แข่งด่านสุดท้ายของพวกเขาคือ เซบีย่า แต่ทีมดังจากโปรตุเกสก็ต้องชอกช้ำอีกครั้งเมื่อแพ้อีกฝ่ายในช่วงดวลจุดโทษ 2-4 หลังจากจบ 120 นาทีเสมอกัน 0-0

- บาเลนเซีย (แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 1999-00 กับ 2000-01)

บาเลนเซีย ภายใต้การกุมบังเหียนของ เอคตอร์ คูเปร์ ทำผลงานได้ดีเกินกว่าที่หลายคนคิดในการเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่น 1999-00 เพราะพวกเขาเป็นชมป์ของรอบแบ่งกลุ่ม รอบแรก ก่อนจะเป็นรองแชมป์กลุ่มในรอบแบ่งกลุ่ม รอบสอง ทำให้ได้เข้าสู่รอบน็อกเอาต์

ทั้งนี้ ในรอบก่อนรองชนะเลิศ บาเลนเซีย ผ่าน ลาซิโอ จากสกอร์ 5-3 และถึงแม้ในรอบรองชนะเลิศจะเจอกับ บาเลนเซีย พวกเขาก็ยังชนะไปได้ด้วยสกอร์รวม 5-3 อีกครั้ง ทำให้ "ไอ้ค้างคาว" ได้ชนกับ เรอัล มาดริด ในนัดชิงชนะเลิศ แต่สุดท้ายพวกเขาก็ไม่สามารถต้านทานพลพรรค "ราชันชุดขาว" ได้จนแพ้ไป 0-3

ในซีซั่น 2000-01 บาเลนเซีย ยังอยู่ในยุคของ คูเปร์ และก็เป็นอีกครั้งที่พวกเขาทำผลงานได้ยอดเยี่ยมในถ้วยบิ๊กเอียร์ หลังจากเป็นแชมป์ในรอบแบ่งกลุ่มทั้งรอบแรกกับรอบสอง ขณะที่ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายพวกเขาเสมอกับ อาร์เซน่อล 2-2 แต่ยังได้เข้ารอบด้วยกฎประตูทีมเยือน ส่วนในรอบรองชนะเลิศ บาเลนเซีย ก็เจอกับทีมจากอังกฤษอีกครั้ง นั่นคือ ลีดส์ ยูไนเต็ด และทีมดังจาก เมสตาย่า ก็ชนะไป 3-0

ในรอบชิงดำ บาเลนเซีย ต้องชนกับ บาเยิร์น ซึ่งที่จริงวันนั้น บาเลนเซีย ขึ้นนำตั้งแต่นาทีที่ 3 จากลูกจุดโทษของ กาอิซก้า เมนดิเอต้า แต่ "เสือใต้" ตามตีเสมอได้จาก สเตฟาน เอฟเฟ่นแบร์ก ในนาทีที่ 50 ทำให้จบ 90 นาทีเสมอกัน 1-1 ขณะที่ในช่วงต่อเวลาพิเศษก็ไม่มีใครทำประตูเพิ่มได้จนต้องตัดสินผู้ชนะด้วยการดวลจุดโทษ และเป็น บาเยิร์น ที่ยิงได้แม่นกว่าจนชนะไป 5-4

- ยูเวนตุส (แชมเปี้ยนส์ ลีก 1996-97 และ 1997-98)

ในฤดูกาล 1996-97 ยูเวนตุส ภายใต้การคุมทีมของ มาร์เชลโล่ ลิปปี้ ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมจนถึงขนาดเป็นแชมป์ของกลุ่ม ซี ในรอบแบ่งกลุ่มของ แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยการเก็บได้ 16 แต้มจากจำนวนเต็ม 18 คะแนน และพวกเขาก็กรุยทางสู่นัดชิงดำที่นครมิวนิคได้จากการชนะ โรเซนบอร์ก 3-1 ในรอบก่อนรองชนะเลิศ กับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม 6-2 ในรอบรองชนะเลิศ

โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ คือคู่แข่งของพลพรรค "เบียงโคเนรี่" ซึ่งหลายคนมองว่า ยูเวนตุส เป็นต่อ แต่กลับกลายเป็นว่า ดอร์ทมุนด์ ทำผลงานได้ดีกว่าจนเอาชนะไปได้ 3-1

พอถึงซีซั่น 1997-98 ทีมของ ลิปปี้ หมายมั่นปั้นมือที่จะแก้ตัวจากหนก่อนให้ได้ และถึงแม้คราวนี้ในรอบแบ่งกลุ่มพวกเขาจะเป็นเพียงที่ 2 แต่ ยูเวนตุส ก็ยังตีตั๋วไปเล่นนัดชิงดำที่กรุงอัมสเตอร์ดัมได้จากการผ่าน ดินโม เคียฟ 5-2 ในรอบก่อนรองชนะเลิศ กับการพิชิต อาแอส โมนาโก 6-4 ในรอบตัดเชือก

หนนี้คู่แข่งของพวกเขาในรอบชิงชนะเลิศคือ เรอัล มาดริด ที่คุมทัพโดย จุ๊ปป์ ไฮย์เกส ซึ่งก็เป็นอีกครั้งที่ ยูเวนตุส ต้องอกหักเพราะพวกเขาแพ้ไป 0-1 จากประตูเดียวของ เปรดรัก มิยาโตวิช ในนาทีที่ 66


- เด็กเกร็ดบอล -


ที่มาของภาพ : gettyimages
BY : เด็กเกร็ดบอล
เด็กเกร็ดบอล
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport