เลเวอร์คูเซ่น แรงต่อเชือด ไมนซ์ นำฝูงทิ้ง 11 แต้ม พร้อมทุบสถิติไร้พ่าย

ฟุตบอล บุนเดสลีกา เยอรมัน แมตช์เดย์ที่ 23 เมื่อวันศุกร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จ่าฝูง ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ซึ่งนำโด่งเสือใต้ถึง 8 แต้ม รับมือ ไมนซ์ ทีมรองบ๊วยอันดับ 17 

ซึ่งเกมนี้หาก "ห้างขายยา" ของ ชาบี อลอนโซ่ หากไม่แพ้จะทุบสถิติไร้พ่ายแซงหน้า บาเยิร์น มิวนิค ด้วยการกลายเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ที่มีสถิติไร้พ่ายยาวนานที่สุดของสโมสร บุนเดสลีกา ที่ 33 นัดทุกรายการ

เปิดฉากมาแค่ 3 นาทีแรก แฟนห้างขายยาได้เฮกันลั่นสนามเมื่อ กรานิต ชาก้า ตะบันนอกกรอบบอลพุ่งฮุบหนีมือ โรบิน เซนท์เนอร์ เสียบใต้คานอย่างสวยงามให้ เลเวอร์คูเซ่น ขึ้นนำอย่างรวดเร็ว 1-0

กระนั้นเจ้าบ้านดีใจได้แค่แปล๊บเดียว นาที 8 ไมนซ์ มาไล่ตีเสมอทันควัน 1-1 บอลจากฟรีคิกเปิดมาให้ ซิลวาน วิดเมอร์ โขกตั้งเข้ากลาง โดมินิค โคหร์ พุ่งมาโขกส่งบอลเข้าก้นตาข่ายอย่างเด็ดขาด

นาที 17 ทัพห้างยาเกือบได้แซงขึ้นนำอีกครั้ง คราวนี้ โยนาส ฮอฟมันน์ หลุดเข้าไปซัดมุมแคบแต่ยังดีที่ โรบิน เซนท์เนอร์ นายด่านทีมเยือนล้มตัวใช้ขาเซฟไว้ได้

จากนั้นได้ลุ้นจากฟรีคิกของ  อเล็กซ์ กริมัลโด้ ในนาที 36 ซึ่งบอลข้ามกำแพงไปแล้วแต่ยังไม่ผ่านมือ เซนท์เนอร์ ที่บินมาปัดมือเดียวข้ามคาน ก่อนที่ครึ่งแรกจะจบด้วยผลเสมอ 1-1

กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลัง นาที 68 เลเวอร์คูเซ่น มาแซงขึ้นนำอีกครั้งจากจังหวะที่ โรเบิร์ต อันดริช ห้องเครื่องเชิงรับตะบันนอกกรอบเต็มแรงบอลพุ่งตรงตัว  โรบิน เซนท์เนอร์ ที่พยายามรับแต่บอลปลิ้นเข้ากรอบแม้ว่านายด่าน ไมนซ์ จะพยายามควักบอลออกมาแต่ไม่พ้นบอลข้ามเส้น พร้อมส่งให้ "ห้างขายยา" ขึ้นนำอีกครั้ง 2-1 

นาที 80 เจสซิค เอ็นกัมคัม ไปย้ำใส่ กรานิต ชาก้า จากด้านหลังอย่างน่าเกลียด ผู้ตัดสินทีแรกแจกแค่ใบเหลือง แต่หลังเช็กจากวีเออาร์แล้ว กลับคำตัดสินริบใบเหลืองแล้วเปลี่ยนเป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม ทำให้ ไมนซ์ต้องเหลือผู้เล่นแค่ 10 คน 

แต่ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มเติม จบเกม เลเวอร์คูเซ่น เปิดบ้านเอาชนะ ไมนซ์ 2-1 คว้าสามแต้มเต็มพร้อมนำจ่าฝูงโด่ง 61 คะแนนทิ้งแชมป์เก่ารองฝูงอย่าง "เสือใต้" ถึง 11 แต้ม แต่แข่งมากกว่าหนึ่งนัด อีกทั้งยังสร้างสถิติใหม่แซงหน้า บาเยิร์น มิวนิค ด้วยการกลายเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ที่มีสถิติไร้พ่ายยาวนานที่สุดของสโมสร บุนเดสลีกา ที่ 33 นัดทุกรายการ

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

เลเวอร์คูเซ่น (3-4-2-1) : ลูคัส ฮราเด็คกี้ - โอดิลง คอสซูนู, โยนาธาน ทาห์, เอ็ดมอนด์ ทัปโซบา - เยเรมี่ ฟริมปง, โรเบิร์ต อันดริช, กรานิต ชาก้า, อเล็กซ์ กริมัลโด้ - โยนาส ฮอฟมันน์, ฟลอเรียน เวียร์ทซ์ - อามีน อัดลี่

ไมนซ์ (3-4-2-1) : โรบิน เซนท์เนอร์ - โดมินิค โคหร์, เซ็ปป์ ฟาน เดน เบิร์ก, อ็องโตนี่ กาชี่ - ฟิลิปป์ เอ็มเวเน่, เลอันโดร บาร์เรยโร่, นาดีม อามิรี่, ซิลวาน วิดเมอร์ - ไบรอัน กรูด้า, อี แจ-ซอง - คาริม โอนิซิโว่