เป็นบทสรุปที่สวยที่สุดแล้ว..

เป็นบทสรุปที่สวยที่สุดแล้ว..
สเปน ทีมที่วิธีการเล่นของพวกเขาสร้างแรงบันดาลใจด้านบวก เล่นฟุตบอลเกมบุก เดินหน้า สร้างสรรค์ พยายามหาโอกาสทำประตู

เป็นฟุตบอลที่ทุกคนอยากเห็น

สเปนมีพร้อมทุกอย่างที่จะเล่นได้แบบนั้น คุณภาพของผู้เล่น ความเข้าใจเกม มาตรฐานของนักเตะที่ผ่านลีกระดับท็อป และที่สำคัญคือความกล้า

กล้าที่จะเล่นฟุตบอลแบบนี้ คือเปิดเกมบุกเข้าใส่คู่ต่อสู้ มันมีความเสี่ยงที่จะถูกเล่นงานเช่นกัน แต่สเปนยึดมั่นในความเป็นตัวเอง เป็นความท้าทายส่วนตัวด้วยว่าฟุตบอลของตนนั้นอยู่ตรงจุดไหน

เล่นในแบบของตนอย่างนี้ ฟุตบอลที่ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ เตรียมความพร้อมกันมาอย่างนี้ มันจะไปได้ไกลแค่ไหนกันนะ

คำตอบออกมาแล้ว เป็นคำตอบที่สวยงามเสียด้วย

โค้ชแต่ละคน ทีมแต่ละทีม ย่อมมีแนวคิดแตกต่างกันออกไป บางคนอาจจะคิดคล้าย ๆ กัน บางทีมอาจจะวางแผนเหมือน ๆ กัน เพราะเส้นทางสู่ความสำเร็จไม่ได้มีแค่เส้นทางเดียว

ไม่ต้องอะไรมาก แค่มองย้อนกลับไปดูแชมป์ยูโรครั้งก่อน ๆ ที่ผ่านมา เราก็ได้เห็นแชมป์ที่มีบุคลิกแตกต่างกันมากมาย

อิตาลี โปรตุเกส กรีซ ฝรั่งเศส เยอรมัน เดนมาร์ก ฮอลแลนด์ หรือแม้กระทั่งพวกเขาเองที่เขียนประวัติศาสตร์เป็นชาติแรกและชาติเดียวจนถึงทุกวันที่ป้องกันแชมป์ยุโรปได้

กับนัดชิงยูโร 2024 นี้ คู่ชิงระหว่าง สเปน กับ อังกฤษ เป็นการพบกันระหว่าง 2 ทีมที่กำหนดทิศทางการเล่นของตัวเองแตกต่างกัน

เป็นทีมใหญ่ด้วยกัน แต่ฝ่ายหนึ่งเน้นเกมบุกตามธรรมชาติของตัวเอง ส่วนอีกฝ่ายเน้นความรัดกุมไม่เพลี่ยงพล้ำ เลือกการไม่เปิดโอกาสให้คู่แข่งมาก่อนการสร้างโอกาสให้ตัวเอง อดทนรอฉกฉวยความผิดพลาดที่อีกฝ่ายเปิดให้แทน

มันพาทีมเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้เหมือนกัน แต่ฝ่ายหนึ่งเข้ามาด้วยคำชื่นชมมหาศาล ผู้คนมากมายประทับใจและส่งกำลังใจเชียร์ ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งเข้ามาด้วยคำค่อนขอด

แน่นอนผลงานนั้นจับต้องได้ แกเร็ธ เซาธ์เกต กำหนดแนวทางการเล่นแบบรู้จักตัวเองที่สุด เพราะแต่ไหนแต่ไรอังกฤษพยายามเล่นในแบบที่เป็นตัวเองแล้วไม่เคยไปรอดเลยสักที แต่ในยุคของเขา ทีมสิงโตคำรามเข้าใกล้เกียรติยศระดับแชมป์ทวีปมากกว่าที่เคยผ่านมา

อังกฤษใช้การเล่นที่ต้องมีความอดทนอยู่มากด้วยธรรมชาติของนักเตะหลายคนในทีมต่างเล่นให้สโมสรใหญ่ในยุโรป มีเกมรุกเป็นพื้นฐาน แต่ต้องนำเสนอมันในแท็กติกความรัดกุม เล่นช้า เพลย์เซฟ ไม่บ้าคลั่งบุ่มบ่าม

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนั้นคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเซาธ์เกตเองก็ใช้แนวทางที่ถูกต้องพาอังกฤษมาถึงจุดนี้ บอลไม่สวยหรอก ดูแล้วน่าหงุดหงิดด้วยซ้ำ ไม่มีทางเลยที่ฟุตบอลแบบนี้จะชนะใจคน แต่เขาแยกมันออกจากกันเด็ดขาดระหว่างการเล่นที่ชนะใจแฟนบอลกับการเล่นที่พาทีมไปถึงฝั่งฝัน

เขาไม่สนกับการชนะใจใคร ในเมื่อฟุตบอลที่เคยชนะใจคนไม่เคยแลกมาด้วยผลลัพธ์ที่ดีสำหรับทีมอย่างอังกฤษ จะกี่ยุคกี่สมัย กี่ซูเปอร์สตาร์กี่ดาวเตะค้างฟ้า อังกฤษก็ไม่เคยไปถึงดวงดาวอีกเลยนับตั้งแต่เป็นแชมป์โลกเมื่อปี 1966

ที่คอตกกันมาตลอดก็การเล่นแบบเป็นตัวเองที่สุด เล่นเกมบุกแบบทีมใหญ่เปี่ยมศักดิ์ศรีไม่ใช่หรือไง

เซาธ์เกตจึงเลือกใช้วิธีการที่คนร้องยี้บ้างในครั้งนี้ แต่มันกลับตอบโจทย์ในด้านผลงานจริง ๆ จึงเป็นเรื่องที่อีหลักอีเหลื่ออยู่พอสมควร ทำนองว่าอยากด่าแต่ก็ด่าได้ไม่เต็มปาก เพราะไอ้ที่ผ่านมาที่เล่นสนุกบุกแหลกกองเชียร์ทรีไลอ้อนส์ก็ไม่เคยเห็นทีมมาได้ไกลขนาดนี้

กระนั้นฟุตบอลแบบเซาธ์เกตในยูโร 2024 นี้เพียงแค่รอวันหกล้มเท่านั้น แล้วความอัดอั้นที่เก็บอยู่ในใจมาตลอดก็จะระเบิดพรั่งพรูออกมาจากผู้คนที่ไม่ชอบมัน

เขาก็จำต้องยอมรับ เพราะเลือกที่จะแบกรับความเสี่ยงนั้นเอาไว้กับตัวตั้งแต่แรกที่เลือกวิธีการเล่นแล้ว ใครบอกเขาขี้ขลาดผมไม่เชื่อ เขากล้ามากต่างหากที่ยอมเอาคอขึ้นเขียงด้วยแนวทางที่บ่มความคิดกับทีมงานมาแล้วว่าหลังจาก 8 ปีที่ได้เข้ามาทำหน้าที่นี้ นี่คือวิธีการเล่นที่เหมาะสมที่สุดในการพาทีมเป็นแชมป์

คุณอาจจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ชอบหรือไม่ชอบ แต่นั่นคืออำนาจตัดสินใจของคนที่อยู่ในหน้าที่ และเขาก็เลือกใช้วิธีการในแบบที่เห็น ยอมแบกรับความเสี่ยงทั้งหมดไว้ที่ตัวเอง

ด้วยสิ่งที่ต่าง ๆ ที่ผ่านตามาตั้งแต่วันแรก ความรู้สึกของหลายคนก่อนเริ่มเกมนัดชิงที่เบอร์ลินมันจึงเป็นอารมณ์ที่ว่า มันคงจะสวยกว่ามากถ้าทีมที่เล่นอย่างสเปนจะจบทัวร์นาเม้นต์ด้วยการเป็นแชมป์..

-------------

หลังจากอังกฤษยิงตีเสมอเป็น 1-1 ได้จาก โคล พาลเมอร์ อังกฤษเข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้ายของเกมด้วยการหันไปเน้นความรัดกุมแน่นอนอีกหน

หลายคนเสียดายโมเมนตัมนั้นที่ความชุลมุนน่าจะนำพาจังหวะและโอกาสมาให้พวกเขา อังกฤษเลือกที่จะเมินเฉยกับมันแล้วเน้นสิ่งที่ต้องทำตามที่ได้ตั้งใจกันมา คือเน้นความปลอดภัยไม่เสี่ยง ไม่ได้ประตูไม่เป็นไรแต่อย่าเปิดช่องให้คู่ต่อสู้

ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรอีกแล้วสำหรับอังกฤษในทัวร์นาเม้นต์นี้

สเปนเองดูจะซึมไปและต้องใช้เวลาพักหนึ่งเพื่อตั้งหลัก ดึงเกมให้ช้าลงประคองตัว ทำให้ช่วงหนึ่งเกิดความรู้สึกว่าต่างฝ่ายต่างก็เกร็งกลัวพลาดเมื่อเข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้าย

แต่แล้วทีม ลา โรฆา ก็เร่งจังหวะเน้นการเข้าทำอีกครั้ง เรียกเกมของตัวเองกลับมาได้อีกหน โอกาสยิงจ่อ ๆ ของ ลามีน ยามาล กับการเติมสูงของ มาร์ก กูกูเรย่า ในจังหวะได้ประตูชัยนั้นบอกชัดว่า พวกเขาต้องการเป็นผู้ชนะในเวลาปกติมากกว่า

เพราะคงไม่มีทีมที่เน้นความปลอดภัยกลัวพลาดทีมไหนจะให้แบ๊กซ้ายสปรินท์เติมขึ้นไปอย่างนั้นในช่วง 5 นาทีสุดท้ายของเกม และบอลเหนือความคาดหมายจาก ดานี่ โอลโม่ ผนวกกับการเล่นบอลจังหวะเดียวระหว่าง มิเกล โอยาร์ซาบัล กับ กูกูเรย่า ก็นำมาซึ่งประตูสู่แชมป์

ทั้ง 2 ประตูที่สเปนทำได้ในนัดชิงกับอังกฤษ บ่งบอกความเป็นตัวตนและแนวคิดของพวกเขาได้ดี

บุกด้วยทีมเวิร์ก รวดเร็วแม่นยำ ลงโทษด้วยความเด็ดขาด และทุกตำแหน่งมีเซนส์เกมรุกอยู่ในตัว

ครั้งแรกของเกมที่ ลุค ชอว์ คุม ลามีน ยามาล ไม่อยู่เพราะบอลแทงจากหลังโดย ฟาเบียน รุยซ์ ขึ้นมาทาง ดานี่ การ์บาฆาล แบ๊กขวาถูกสะกิดเร็วจังหวะเดียวเข้าสู่พื้นที่ว่างที่ ยามาล ขยับลงมารับบอล

กว่าชอว์จะปรี่มาถึงตัวก็ช้าไปเสียแล้ว ยามาล ชิงไหลบอลออกด้านกว้างให้ นิโก้ วิลเลียมส์ ที่ทะลุขึ้นมาโล่ง ๆ ทางซ้ายได้ยิงตุงตาข่ายก่อน

วิลเลียมส์มีพื้นที่เพราะโซนป้องกันของอังกฤษรวนจากการโจมตีเร็วของสเปน มันเพิ่งจะเริ่มครึ่งหลังได้แค่นาทีเดียว การจัดระเบียบเกมรับของคู่แข่งยังไม่เรียบร้อยนัก

บอลทะลุเร็วจากแดนตัวเองขึ้นสู่พื้นที่ปีกขวาที่การ์บาฆาลเติมขึ้นไปถูกเล่นเร็ว ยามาลที่ต้องถูกประกบขยับตัวลงมาเอาบอลได้ก่อน ขณะที่ตัวรุกทั้ง โอลโม่ และ อัลบาโร่ โมราต้า พุ่งเข้าเขตโทษดึงความสนใจของนักเตะอังกฤษให้ตามไปอีก

มันคือการสร้างพื้นที่ขึ้นมาเองด้วยวิธีการเล่น รวดเร็ว ฉับพลัน ฉวยโอกาส และแม่น ไม่ใช่การเล่นตามยถากรรมเลย

ประตูที่สองก็เช่นกัน บอลจากแดนหลังจ่ายมากลางสนามให้โอลโม่ มีกูกูเรย่าเติมขึ้นไปทางซ้าย ทิศทางธรรมชาติที่โอลโม่จะปล่อยบอลมันต้องเป็นทางนั้น แต่ดาวเตะจากไลป์ซิกเลือกดีดบอลขึ้นหน้าผ่ากลางนักเตะอังกฤษ 2 คนดื้อ ๆ ให้โอยาร์ซาบัลหน้าเขตโทษแทน

แล้วโอยาร์ซาบัลก็ยังเล่นเร็วแปะบอลจังหวะเดียวออกปีกให้กูกูเรย่าวิ่งเข้ามาเปิดเน้น ๆ จังหวะเดียวอีกเช่นกันส่งบอลกลับเข้าสู่จุดนัดพบที่ดาวเตะเรอัล โซเซียดาด วิ่งเข้าไปชาร์จเข้าเสาแรก

ไคล์ วอล์คเกอร์ ตั้งรับไม่ทัน เขาสกัดบอลเปิดของกูกูเรย่าช้าไปแค่เสี้ยววินาทีเพราะความสับสนตั้งแต่การผ่านบอลอย่างเหนือความคาดหมายของโอลโม่แล้ว

ผมคิดว่าสิ่งต่าง ๆ ที่สเปนนำเสนอในทัวร์นาเม้นต์นี้คือความเป็นตัวตนของพวกเขาแบบร้อยเปอร์เซนต์ คือนักฟุตบอลทุกคนเล่นได้ตามประสิทธิภาพที่ตัวเองมี

ตัวรุกได้เล่นเกมรุก ได้เคลื่อนที่หาช่องเข้าทำ ได้สร้างสรรค์โอกาสพังประตู ปีกได้กระชากลากเลื้อยโจมตีทางริมเส้น กองกลางได้ปล่อยบอลสวย ๆ ลุ้นทำประตู แบ๊กได้เติมเกมบุกอย่างที่เล่นให้สโมสร

เป็นธรรมชาติของทุก ๆ คนในทีม

พลาดก็ไม่เป็นไร เอาใหม่ บางครั้งชิงเก็บบอลจังหวะสอง บางครั้งไล่บีบเอาคืนเร็วในทันที หรือบางครั้งกลับลงไปรับมือเกมบุกของฝ่ายตรงข้าม สกัดบอล แย่งบอล เคลียร์บอล รอโอกาสนำบอลกลับมาบุกอีกครั้งและอีกครั้ง

สเปนทำให้เรารู้สึกว่าพวกเขาใช้นักเตะของตัวเองได้อย่างไม่เสียของ ใครมีดีอย่างไหนได้เล่นอย่างนั้น โค้ชและเพื่อนร่วมทีมสนับสนุน

ดูเป็นธรรมชาติ.. ถ้าเล่นเป็นตัวเองที่สุดแล้วยังไปไม่ถึงแชมป์ก็ไม่มีอะไรคาใจในแง่การพิสูจน์ฟุตบอลของตน

ขณะที่อังกฤษเป็นภาพอีกแบบ ความรู้สึกร่วมกันของเราคือเสียดายของ ผิดหวังที่ไม่ได้เห็นประสิทธิภาพสูงสุดของนักเตะสิงโตคำราม

ตัวรุกไม่ได้เล่นเกมรุกอย่างที่ควร การสร้างสรรค์โอกาสพังประตูก็มีจำกัด เพราะถูกครอบด้วยวิธีการเล่น

แน่นอนครับมันคือวิธีการที่เลือกมาอย่างละเอียดแล้ว ทุกคนในทีมต้องยึดถือตามนั้น เลินเล่อเผลอลืมตัวไปอาจน้ำตาตกได้เหมือนรุ่นพี่ ๆ ในอดีตที่ผ่านมา

อังกฤษจึงดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาตินัก เพราะเน้นผลมาก่อนแบบร้อยเปอร์เซนต์ ยอมเล่นแบบไม่เป็นตัวเองขัดความคุ้นเคยของนักเตะหลายคนโดยเฉพาะตัวรุก มันก็เพื่อผลลัพธ์ที่ไม่อยากให้เหมือนเดิมปีแล้วปีเล่า ครั้งแล้วครั้งเล่า หนแล้วหนเล่านั่นแหละ

เราอยากเห็น แฮร์รี่ เคน ได้บอลมากกว่านี้ อยากเห็น จู๊ด เบลลิงแฮม ฟิล โฟเด้น บูกาโย่ ซาก้า มีบทบาทหน้าเขตโทษคู่แข่งมากกว่านี้ อยากเห็น ดีแคลน ไรซ์ เล่นเกมรุกได้เหมือนที่ทำกับอาร์เซน่อล แต่ที่ผ่านมาพวกเขาก็เคยได้เล่นอย่างนั้นกันมาแล้วในเกมทีมชาติ และอังกฤษก็ยังอกหักอยู่ดี

มันจึงต้องออกมาในแนวทางแบบนี้ ฝืนความรู้สึกหน่อยแต่ไม่ใช่วิธีการแบบเดิม ๆ ที่พิสูจน์มาแล้วว่าไม่สำเร็จซ้ำ ๆ ซาก ๆ

สมมติว่าอังกฤษได้แชมป์ พวกเขาก็จะได้แชมป์ด้วยวิธีการที่เลือกสรรได้ถูกต้อง แต่การพิสูจน์ความเป็นฟุตบอลของตัวเองนั้นยังอาจเป็นคำถาม อังกฤษไม่ได้มีดีเอ็นเอแบบนี้ เราแทบไม่เคยเห็นอังกฤษหันมาเล่นด้วยเกมที่ชวนอึดอัดอย่างนี้มาก่อนแม้กระทั่งในยุคของเซาธ์เกตเองตลอด 3 ทัวร์นาเม้นต์ที่ผ่านมา

เพราะเขาลดความกล้าได้กล้าเสียลง เพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น เพื่อผลลัพธ์ที่ไม่เคยไปถึง

ทว่ามันห้ามความรู้สึกของแฟนบอลไม่ได้อยู่แล้ว การเลือกวิธีเล่นที่ไม่เป็นตัวเองอย่างนี้บทสรุปเดียวที่เซาธ์เกตจะไม่ถูกสับเละก็คืออังกฤษต้องเป็นแชมป์เท่านั้น

มันจึงเป็นแค่การรอเวลาหกล้มอย่างที่บอก ที่เสียงบ่นจากความอัดอั้นจะพรั่งพรูออกมา แล้วก็อย่างที่เห็นนั่นล่ะครับ กระทั่งพาทีมเข้าชิงแต่สุดท้ายได้รองแชมป์ เซาธ์เกตก็โดนถล่มด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั่วสารทิศ แม้จะมีคนเห็นใจและเข้าใจเขาอยู่บ้างก็ตาม

ความพ่ายแพ้ของอังกฤษอาจจะน่าเจ็บปวดสำหรับคนอังกฤษ แต่รูปเกมและผลการแข่งขันที่ชนะกันโดยปราศจากข้อสงสัยใด ๆ ก็เป็นผลลัพธ์ที่ยุติธรรมที่สุดแล้ว

มันทำให้ยูโร 2024 มีบทส่งท้ายที่สวยงามที่สุดจริง ๆ

ตังกุย


ที่มาของภาพ : reuters
BY : ตังกุย
ณัฐพล ดำรงโรจน์วัฒนา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport