เยอรมนี เจ้าภาพฟุตบอล ยูโร 2024 ตบเท้าเข้ารอบควอเตอร์ไฟนั่ลได้สำเร็จตามความคาดหมายหลังแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่เหนือกว่า เดนมาร์ก และเอาชนะทีมโคนมได้ 2-0 จากการฟาดแข้งในรอบ 16 ทีมเมื่อวันเสาร์ที่ 29 มิ.ย.โดยมี ไค ฮาแวร์ตซ์ กับ จามาล มูเซียล่า แบ่งกันซะคนละเม็ดช่วยให้ อินทรีเหล็ก สยายปีกรอเจอกับทีมผู้ชนะระหว่าง สเปน กับ จอร์เจีย ในรอบแปดทีมสุดท้าย
1. เจ้าภาพเปิดซิง ซาเน่ ตัวจริง
ยูเลี่ยน นาเกิ้ลส์มันน์ นายใหญ่ทีมชาติ เยอรมนี ตัดสินใจส่ง เลรอย ซาเน่ ลงสนามเป็นตัวจริงเกมแรกของรายการ ยูโร 2024 รวมแล้วเจ้าภาพมีการปรับทัพทั้งสิ้นสามตำแหน่ง
นอกจาก ซาเน่ ที่ได้เสียบแทน ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ แล้ว นิโก้ ชล็อตเทอเบ็ค ได้ลงบู๊แทน โยนาธาน ทาห์ ที่ติดโทษแบน ขณะที่ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟคนสำคัญฟิตพอที่จะลงเล่นได้
ส่วนอีกราย ดาวิด เราม์ ได้ออกสตาร์ตเช่นกัน แต่สำหรับ นิคลาส ฟืลล์ครุก ที่กดไปแล้วสองประตูในทัวร์นาเมนต์นี้ยังนั่งสำรองตามเดิม ขณะที่ มานูเอล นอยเออร์ ทำสถิติลงเล่นฟุตบอล ยูโร ให้กับทีม อินทรีเหล็ก มากที่สุดเป็นนัดที่ 19 เหนือกว่า บาสเตียน ชไวสไตน์เกอร์
พร้อมกันนี้ ทีมเมืองเบียร์จัดทัพ 11 คนแรกลงเล่นรายการนี้ด้วยอายุเฉลี่ยสูงที่สุด 29 ปี 117 วันนับจากเกมบู๊กับ โรมาเนีย ในปี 2000 (30 ปี 86 วัน)
2. เอริคเซ่น นำทัพโคนม
เดนมาร์ก ภายใต้การกุมบังเหียนของกุนซือ แคสเปอร์ ฮุลมานด์ ยังมี คริสเตียน เอริคเซ่น นำทีมลงสนามได้แม้กองกลางทีม แมนฯ ยูไนเต็ด จะปวดท้อง และไม่ได้ซ้อมเมื่อวันก่อน
อย่างไรก็ดี ทีมโคนมมีการปรับทัพเช่นกันเนื่องจาก มอร์เท่น ฮุลมานด์ ที่ยิงประตูตีเสมอ อังกฤษ ในรอบแบ่งกลุ่มติดโทษแบนจากการสะสมสองใบเหลือง ทำให้ โธมัส เดลานีย์ ได้ลงสนาม
ส่วนอีกจุด อันเดรียส สคอฟ โอลเซ่น ติดโผ 11 คนแรกโดยในรายของ ราสมุส ฮอยลุนด์ ยังได้ลงบู๊ตามเดิมแม้ศูนย์หน้า ผีแดง จะยังเท้าบอดในรายการนี้ และมีชื่อติดโผทีมยอดแย่หลังจบรอบแบ่งกลุ่ม
ขณะเดียวกัน ทีมโคนมมีโผ 11 คนแรกของรายการนี้ด้วยอายุเฉลี่ยน้อยที่สุด 29 ปี 17 วันถัดจากเกมเสมอกับ สวีเดน 2-2 ในปี 2004 ที่พวกเขาส่งทีม 11 คนแรกอายุเฉลี่ยน้อยที่สุดลงเล่นในวัย 29 ปี 72 วัน
นอกจากนี้ นับเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองทีมใช้บริการผู้รักษาประตูอายุ 37 ปีขึ้นไปเฝ้าเสาในรายการนี้พร้อมกันด้วย
3. ชไมเคิ่ล โชว์
นับตั้งแต่เริ่มเขี่ยบอล เยอรมนี เปิดฉากจู่โจมใส่ เดนมาร์ก อย่างดุดันทันทีซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาหวังได้ประตูนำเร็วเพื่อลดความกดดัน และแผ้วทางไปสู่ชัยชนะให้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น
จากเกมที่เหนือกว่าหลายขุม อินทรีเหล็ก จึงมีโอกาสเช็กบิลถี่ยิบโดยเฉพาะ 10 นาทีแรกของเกม พวกเขาได้ตะบันมากถึง 4 ครั้งด้วยกัน แต่เผอิญว่า แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ผีเข้าอย่างไม่น่าเชื่อจึงเซฟลูกยากได้เรียบวุธ
เท่านั้นไม่พอ หลังจากเกมยุติลงชั่วคราวไปพักหนึ่งเนื่องจากมีฝนฟ้าคะนอง เจ้าบ้านมีโอกาสออกนำอีกหนตั้งแต่นาทีแรกที่กลับมาฟาดแข้งกันใหม่ แต่ ชไมเคิ่ล ยังเหนียวไม่เลิกเมื่อปัดลูกโขกเหน่งๆจาก ไค ฮาแวร์ตซ์ ได้อีกจนทำให้เกมในครึ่งแรกยุติลงอย่างไม่น่าเชื่อด้วยผลเสมอ 0-0
อย่างไรก็ดี ก่อนหมดเวลาเพียงเสี้ยววินาทีเกือบเป็น เดนมาร์ก ที่พลิกสถานการณ์นำก่อนด้วยซ้ำจากจังหวะโต้กลับที่ ฮอยลุนด์ ได้ลูกจ่ายหลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษไปยิงชิพติดตัว นอยเออร์ ที่ขยับออกมาทันเวลา
จากฟอร์มที่ยอดเยี่ยมของนายทวารทีม อันเดอร์เลทช์ ส่งผลให้ เดนมาร์ก ยังไม่เสียหายแม้ เยอรมนี จะได้ยิงในช่วง 45 นาทีแรกรวม 8 ครั้ง และเข้ากรอบ 5 ครั้ง ขณะที่ทีมโคนมได้ยิง 6 ครั้ง และเข้ากรอบครั้งเดียว อีกทั้งครองบอลเป็นรองชาติเจ้าภาพ 60.7%:39.3%
4. อันเดอร์เซ่น โชว์(ห่วย)
หลังจากเกมในครึ่งแรก ชไมเคิ่ล โชว์ฟอร์มเป็นพระเอก ครึ่งหลัง โยอาคิม อันเดอร์เซ่น แบ็คขวาทีมชาติ เดนมาร์ก กลายเป็นจุดศูนย์กลางของเกมแทนนับตั้งแต่นาทีที่ 48 ซึ่งเขาส่งบอลเข้าประตูได้ แต่ถูกวีเออาร์ริบเนื่องจากล้ำหน้า
เท่านั้นไม่พอ หลังชวดพาทีมออกนำ ดาวเตะวัย 28 ปีก็กลายเป็นผู้ร้ายทันทีเมื่อก่อความผิดพลาดทำแฮนด์บอลในเขตโทษหลังมีการเช็กวีเออาร์แล้วโดย ฮาแวร์ตซ์ สังหารได้อย่างเด็ดขาดพาทีมชาติ เยอรมนี ออกนำ 1-0 จนได้ในนาทีที่ 53 และเป็นการส่งบอลตุงตาข่ายจากจุด 12 หลาสำเร็จตลอดห้าหนหลังของสตาร์ทีม อาร์เซน่อล กับทั้งทีมชาติ และสโมสร
ถึงตรงนี้ เกมตกเป็นเจ้าภาพอย่างเต็มตัวแล้วหลังจากปลดล็อกกดประตูแรกได้ กระทั่งนาทีที่ 68 อันเดอร์เซ่น ก็เสียท่าให้ จามาล มูเซียล่า ในจังหวะดันขึ้นสูงแล้วโดนโต้กลับด้วยลูกโยนยาวซึ่งทำให้ดาวเตะทีม บาเยิร์น มิวนิค กระชากบอลหลุดเดี่ยวไปซัดเม็ดสองให้ เยอรมนี หนีห่าง 2-0 พร้อมนำเป็นดาวซัลโวร่วมสามประตูคู่กับ จอร์จส์ มิเคาตาดเซ่ ของทีม จอร์เจีย
จากผลงานดังกล่าว ทำให้ มูเซียล่า เป็นขุนพล อินทรีเหล็ก รายแรกในรอบ 10 ปีที่ยิงได้อย่างน้อยสามประตูในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ถัดจาก โธมัส มุลเลอร์ (5) และ อันเดร เชือร์เล่ (3) ในศึก ฟุตบอลโลก ปี 2014
ยิ่งไปกว่านั้น ในวัย 21 ปี มูเซียล่า เป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดอันดับสองที่ตะบันได้สามประตูในเกม ยูโร ถัดจาก เวย์น รูนีย์ อดีตกองหน้าทีมชาติ อังกฤษ ในวัย 18 ปีด้วย และเป็นนักเตะด๊อยทช์อายุน้อยที่สุดที่ยิงได้ในเกมรอบน็อกเอาต์ของศึก ยูโร (21 ปี 124 วัน) ถัดจาก ดีเตอร์ มุลเลอร์ (22 ปี 77 วัน) ในปี 1976
5. บทสรุป
หลังจบเกม 90 นาทีซึ่ง เยอรมนี สยบ เดนมาร์ก ได้ด้วยสกอร์ 2-0 มีการเผยสถิติที่น่าสนใจออกมาดังนี้
- มีเพียง เจอร์เก้น คลินส์มันน์ กับ มาริโอ เกิ๊ตเซ่ (5ประตูเท่ากัน) ที่สอยตาข่ายให้ เยอรมนี ในเกม ยูโร ได้มากกว่า ฮาแวร์ตซ์ (4)
- มีเพียง รูนีย์ (4) ที่ส่งบอลเข้าประตูในเกม ยูโร รอบสุดท้ายด้วยวัย 21 ปีได้มากกว่า มูเซียล่า (3)
- เยอรมนี เข้ารอบแปดทีมรายการใหญ่ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ศึก ยูโร 2016 ซึ่งพวกเขาทะลุไปถึงรอบรองชนะเลิศ
- เดนมาร์ก คว้าชัยชนะไม่ได้เลยในทัวร์นาเมนต์ใหญ่แปดนัดติดต่อกันแล้ว (เสมอ4แพ้4) โดยครั้งสุดท้ายที่พวกเขาได้เฮเป็นเกม ยูโร 2020 รอบแปดทีมที่ชนะ สาธารณรัฐเช็ก 2-1