ในขณะที่เกมกำลังดำเนินไปโดยเป็น แอลเบเนีย พยายามโหมบุกอย่างหนักเพื่อหวังตีเสมอ เสียงเชียร์จากกองเชียร์พญาอินทรีสองหัวก็ดังปลุกเร้าต่อเนื่อง มันก็ยังสังเกตได้ถึงวิธีการเล่นของอีกฝั่งที่คงจัดระเบียบเกมได้ดี พวกเขาไม่ต้องทำอะไรมากรอตัดบอลได้แล้วโต้กลับเร็ว
ตรงไปตรงมาถ้าเพิ่มความละเอียดลงอีกนิดผสมไปกับความเด็ดขาดอีกสักหน่อยก็คงชนะมากกว่าหนึ่งลูก
"นี่ขนาดสเปนเปลี่ยนยกชุดเลยนะ... "ผมพูดกับนักข่าวข้างๆที่ทำงานให้ ดิ แอธเลติก (The Athletic) สื่อดังยุคนี้โดยเรารู้จักกันที่สนามเชลซีฤดูกาลที่ผ่านมา
เหตุผลที่ทำให้เขากับผมต่อกันติดเร็ว?
เราต่างเชียร์เอฟเวอร์ตันเหมือนกัน
ผมกับเพื่อนนักข่าวคนดังกล่าวก็ยังคุยกันต่อถึงโอกาสที่ทีมชาติสเปนจะก้าวไปคว้าแชมป์ยูโรหนนี้ที่เบอร์ลินในเดือนหน้า
"มันเป็นไปได้ไม่น้อย การที่ทีมใดก็ตามเปลี่ยนถึง 10 ตำแหน่งแล้วยังรักษาทรงได้ก็แปลว่าทีมๆนั้นได้ซึมซัมปรัชญาของโค้ชไปเรียบร้อย จะใช้ใครก็ไม่ต่างกัน"
ถึงต้องตกรอบแต่อยากบอกว่า แอลเบเนีย เป็นหนึ่งในชาติที่มาสร้างสีสันยูโรคราวนี้ โดยก่อนเกมกับ สเปน มีมารวมตัวโชว์เตะระบำพื้นเมืองด้วย
ใช่ครับ เครดิตทั้งหมดต้องยกให้หลุยส์ เด ลา ฟูเอนเต้ ชายวัย 63 ที่ต้องฝ่าวงล้อมมาหลายด่านกว่าจะมายืนถึงจุดนี้ได้ อย่างแรกเขาไม่ใช่กุนซือที่มีบารมีอะไร เคยล้มเหลวมาด้วยสมัยคุมทีมลีกดิวิชั่น 3 ของสเปน อย่างต่อมาเขาเลือกจะหักกับสื่อและแฟนบอลด้วยการไม่เรียกตัว เซร์คิโอ รามอส กลับมาติดทีม
ถึงกระนั้นเขาก็พิสูจน์ตัวเองด้วยการนำทีมได้ถ้วย ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เมื่อปีก่อน ผ่านมายูโรหนนี้ก็พาทีมกวาด9แต้มเต็มในกลุ่มที่โหดที่สุดอีกด้วย
หากให้เจาะลึกลงไปถึงรายละเอียดว่าทำไมทีมกระทิงชุดนี้ ถึงกำลังเปลี่ยวได้ที่เลยก็มาจากแนวทางสร้างทีมของ ลา ฟูเอนเต้ นี่แหละ ไม่สนสตาร์ เน้นไปที่ทีมเวิร์กกับสปิริต ต่อมาก็ใส่ใจเรื่องความกลมเกลียวที่ทุกคนที่เข้ามาในแค้มป์ต้องเท่าเทียมกัน
ว่ากันว่าเขาจะส่งข้อความไปขอบคุณใครก็ตามที่เข้ามาช่วยงานภายหลังเสร็จสิ้นโปรแกรมทีมชาติ โดยไม่ยกเว้นแม้แต่เชฟที่ปรุงอาหาร, พนักงานรักษาความปลอดภัยไปจนถึงพวกเด็กฝึกหัดมาช่วยยกของ
นอกจากนั้นกว่าครึ่งของทีมชุดยูโรก็เคยเล่นให้ ลา ฟูเอนเต้ มาก่อน อย่างเช่น โรดรี้, อูไน ซิม่อน กับ มิเกล เมริโน่ เคยอยู่ชุดยู-19 ด้วยกันมา ส่วน ฟาเบียน รุยซ์, ดานี่ โอลโม่ หรือว่า มิเกล โอยาร์ซาบัล นั้นเป็นชุดแชมป์ยุโรป ยู-21 ปี2019
นี่ยังมีในกลุ่มที่ประกอบด้วย เปดรี้, เฟอร์ราน ตอร์เรส, มาร์ค กูกูเรลย่า, อเล็กซ์ เรมิโร่ รวมถึง เฆซุส นาบาส อีกที่ก็เคยร่วมงานด้วยกันมาในช่วงใดช่วงหนึ่ง
ลา ฟูเอนเต้ ต้องการให้สเปนเป็นสเปนเหมือนช่วงยิ่งใหญ่ระหว่างปี 2008-2012 โดยไม่ได้แปลว่าต้องแข็งแกร่งทุกตำแหน่ง ชุดนั้นก็ต่างชุดนี้ หากความหมายเป็นพอลงไปในสนามแล้วก็ทุ่มเทเต็มร้อยให้เครื่องแบบที่สวมใส่
ดุสเซลดอร์ฟเมืองหลวงของแคว้น North Rhine-Westphalia
ขืนเป็นโค้ชคนอื่นแล้วนักเตะอย่าง โฆเซลู กับ อโยเซ่ เปเรซ ก็คงไม่ติดมาเยอรมันแน่
ครั้งเดียวที่สเปนชนะสามเกมรวดในยูโรก็เป็นปี 2008 ซึ่งเชื่อว่าทุกคนคงจำกันได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในปีนั้น
แน่นอนว่าเทียบตัวต่อตัวแล้วชุดนี้ถือว่าเป็นรอง
อีกนั่นแหละสิ่งที่ ลา ฟูเอนเต้ ได้ฟูมฟักลงไปได้แก่จุดแข็งที่ทุกๆทีมพึงต้องมีถ้าอยากประสบความสำเร็จ
"ก่อนทัวร์นาเมนต์เริ่มขึ้นน้อยคนจะมามองถึงพวกเรา ตอนนี้เราเข้ารอบด้วยการชนะสามเกมรวดก็เริ่มมีเสียงพูดถึงพวกเรามากขึ้นแต่เราไม่สนใจ เราแค่จะทำงานหนักต่อไป เราต้องย้ำกับตัวเองว่ายังไม่ได้ไปถึงเป้าหมายที่ต้องการเลย"
"ไก่ป่า".......