มันเหมือนความบังเอิญว่าเกมที่ถูกยกว่าสนุกตื่นเต้นที่สุดนับแต่ยูโร 2024 แข่งกันมาดันเตะในสนามสีเหลืองของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ พอดี
เราต่างพอรู้กิตติศัพท์ของกองเชียร์พวกเขา ศัพท์ที่คุ้นหูมาตลอดก็ 'Yellow Wall'
ยังไม่ใช่เท่านั้นนี่ก็ยังเป็นเมืองที่ได้รับการขนานนามว่า 'The capital football of Germany' โดยพิพิธิภัณฑ์ฟุตบอลของเยอรมัน ก็ตั้งอยู่ติดกับสถานีรถไฟหลักด้วย
เดินไปตามถนนเส้นไหนก็ตาม จะร้านอาหาร, กาแฟหรือบ้านเรือนก็ต้องเจอการตกแต่งด้วยโทนสีเหลืองดำ มันสะท้อนถึงคาแรกเตอร์ของผู้คนในดอร์ทมุนด์
เกมที่ทะลวงตาข่ายกันไป 4 ลูก มีการสร้างโอกาสรวมกันทั้งสิ้น 36 ครั้ง เหนืออื่นใดตลอด 90นาทีก็ไม่เคยมีวินาทีไหนก็ได้ที่เสียงจากสี่ทิศแผ่วเบา เรื่องนี้ต้องปรบมือให้ทั้งกองเชียร์ ตุรกี กับ จอร์เจีย ที่ต่างแสดงจิตวิญญาณออกมาเข้มข้นถึงการรักชาติ
บรรยากาศยอดเยี่ยมทั้งในและนอกสนาม เดินไปทางไหนก็เจอแต่กองเชียร์ตุรกี
อย่างหนึ่งยูโรคราวนี้จะสนามไหนหรือเมืองไหนก็พบบรรยากาศยอดเยี่ยม เอาว่าผมยกให้ดีกว่าตอนบอลโลกที่กาตาร์แล้วกัน
ขณะที่เรื่องของในสนามนั้นก็พบว่าส่วนใหญ่จะมีการยิงกันเยอะ จบนัดแรกครบทุกทีมค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 2.84 ลูกต่อเกม หากก็ไม่มีเกมใดแล้วที่ทำให้ผู้ชมลุ้นกันจนก้นไม่ติดเบาะได้เท่าแมตช์ ตุรกี กับ จอร์เจีย
"ตุรกี มีเกมที่ยอดเยี่ยมแต่ จอร์เจีย ก็ทำได้ดีเช่นกัน..."ประโยคจากวิลลี่ ซาญอล โค้ชของจอร์เจียที่เหมือนบทสรุปของเกม
ต่างทำได้น่าชื่นชม
ยิ่งกับชาติเล็กๆอย่างจอร์เจียด้วยแล้วที่บางคนมองว่าแค่ดอกไม้ริมทางของยูโร ก็ผ่านเข้ามารอบสุดท้ายจากเตะเนชั่นส์ ลีก ในรอบคัดเลือกปกติจบต่ำกว่าสเปน, สกอตแลนด์ รวมถึง นอร์เวย์ ทว่ากฎใหม่ของยูฟ่าต้องการทำให้การแข่งขันกระจายออกไป ไม่ได้กระจุกแค่พวกทีมหน้าเดิมๆ
จากที่คาดคะเนด้วยสายตาแล้ว 3 ใน 4 ของสนามเป็นฝั่งตุรกี ก็เข้าใจได้เพราะแต่อดีตพวกเติร์กต่างอพยพมาตั้งรกรากในเยอรมันกันเยอะ ตัวเลขปัจจุบันก็มีไม่น้อยกว่า3ล้านคน เท่าที่ได้คุยยังเดินทางมาจากหลายต่อหลายเมือง มีดุยส์บวร์ก, สตุ๊ตการ์ท, เบอร์ลิน, แฟร้งค์เฟิร์ต ฯลฯ
นี่ก็อาจนับได้ว่าเป็นข้อได้เปรียบ
ทุกครั้งที่ จอร์เจีย ได้บอลก็มีเสียงโห่ดังอื้ออึง ทุกครั้งที่ ตุรกี ได้บอลตะลุยขึ้นมาก็เต็มด้วยเสียงโห่ร้องราวกับกำลังออกรบ
วิเคราะห์ลึกแล้วก็พบได้ว่าสามประตูที่ทำให้ชาวเติร์กได้ฉลองกันก็เป็นสามประตูที่จนปัญญาสำหรับจอร์เจีย ประตูแรกกับสองจากลูกซัดไกลเข้าขั้นเวิล์ด คลาส ประตูสุดท้ายตอนทดเจ็บจากการโต้เร็วซึ่งตอนนั้นแม้แต่นายทวาร จอร์จี้ มามาร์ดาชวิลี่ ก็วิ่งขึ้นสูงหวังช่วยทีมตีเสมอตอนได้ลูกตั้งเตะด้วย
พายุเข้าก่อนเกมทำให้เกิดภาพที่คล้ายกับโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดขึ้นในสนามดอร์ทมุนด์
ทำได้ไงครับ บางทีเราก็ต้องยอมรับความเสี่ยงแบบนี้
วิธีการเล่นของ จอร์เจีย ที่มีแรงกิ้งฟีฟ่าอันดับ 72 ภายใต้ระบบ 3-5-1-1น่าสนใจ พวกเขาอาจมีสตาร์ที่หลายคนรู้จักอย่าง ควิชา ควารัตสเคเลีย ดาวเตะเนื้อหอมที่อยู่กับ นาโปลี แต่จุดเด่นอยู่ตรงทีมเวิร์กต่างหากที่ทำให้พวกเขาเกือบได้แต้ม
คือเกมที่สะท้อนถึงยูโรหนนี้แท้จริง
ทีมรองสู้ได้ดีต่อให้จะพ่ายแพ้ออกไปก็ตาม ขณะเดียวกันสองประตูนอกเขตที่ ตุรกี ทำได้นั้นก็ยังเท่ากับให้ยอดรวมพุ่งถึงหลัก 32.4% จากประตูทั้งหมด เอาว่าตั้งแต่มีทัวร์นาเมนต์ชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปมาก็ไม่เคยมีครั้งไหนมากเท่านี้
เกมจบก็บรรยากาศของเกมลูกหนังในเมืองฟุตบอลสีเหลืองก็ยังดำเนินต่อไป ตอนนั้นสายฝนคงโปรยปรายต่อเนื่อง
"ไม่เลย ไม่เสียใจเลย นี่คือวันที่พวกเราทุกคนรอคอยในการได้ดูประเทศตัวเองเตะทัวร์นาเมนต์ใหญ่ครั้งแรก เราได้เห็นประตูของพวกเราด้วย เราสู้ได้ดีแล้ว" กองเชียร์จอร์เจียคนหนึ่งที่มากับครอบครัวบอกกับผมตอนรอขึ้นรถไฟกลับ
"ไก่ป่า".......