จาก 2004-2024 ! คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ผ่านร้อนผ่านหนาวกับ ยูโร 6 ครั้ง

จาก 2004-2024  ! คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ผ่านร้อนผ่านหนาวกับ ยูโร 6 ครั้ง
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สร้างสถิติที่นักฟุตบอลอาชีพในโลกนี้ยากจะทำลายได้นั่นก็คือการเป็นผู้เล่นคนแรกที่ลงเล่นในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปมากที่สุด 6 ครั้ง หลังเจ้าตัวลงสนามให้กับ โปรตุเกส ในรอบแบ่งกลุ่ม เอฟ นัดแรก เกมยูโร 2024 ที่ประเทศเยอรมนี

 "ซีอาร์ เซเว่น" เดินทางบนถนนสายอาชีพมานานกว่าสองทศวรรษ พร้อมกับค้าแข้งให้ทีมชั้นนำมากมาย อาทิ แมนยู, เรอัล มาดริด และ ยูเวนตุส เป็นต้น และคว้าแชมป์ระดับสโมสรนับไม่ถ้วน พร้อมกับรางวัลส่วนตัวอย่างเช่น บัลลง ดอร์ 5 สมัย

  โรนัลโด้ คือนักเตะไอคอนของหลายๆ คน โดยย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีก่อนเขาคือผู้เล่นดาวรุ่งพุ่งแรงที่โลกลูกหนังจับตามองอย่างมาก แต่ตอนนี้ "เฮียโด้" คือนักเตะซูเปอร์สตาร์ที่ทุกคนซูฮกว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่เก่งที่สุดในโลก

 เพื่อเป็นการเชิดชูความยิ่งใหญ่ของ โรนัลโด้ ซึ่งปัจจุบันค้าแข้งอยู่กับ อัล นาสเซอร์ ทีมในประเทศซาอุดีอาระเบีย เราจะย้อนดูครั้งแรกที่เขาได้เฉิดฉายในเกมยูโรจนถึงแมตช์ล่าสุดที่ช่วยทัพ "ฝอยทอง" ปะทะ สาธารณรัฐเช็ก 

ยูโร 2004 : กำเนิดสตาร์ลูกหนังโลก

ลงสนาม 6 เกม, ยิง 2 ประตู กับ 2 แอสซิสต์

 การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปครั้งแรกของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ถือเป็นโศกนาฏกรรมราวกับนวนิยายของ วิลเลี่ยม เชกสเปียร์ ซึ่งเหมาะสมกับการเปิดตัวของนักฟุตบอลที่น่าทึ่งที่สุดคนหนึ่งของโลก

 โรนัลโด้ สร้างผลงานดีมีคุณภาพในซีซั่นเปิดตัวกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จากนั้นก็ติดธงบ้านเกิดร่วมแข่งทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์ครั้งแรกที่ดินแดนฝอยทองซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงคุณภาพของนักเตะในการสู้กับแข้งชั้นนำบนแผ่นดินยุโรป

  "ซีอาร์ เซเว่น" โชว์ฟอร์มสุดยอดในศึกยูโรครั้งแรกของเขาด้วยการซัดประตูในนาทีที่ 90+3 แม้ตอนนี้เขาจะถูกเปลี่ยนตัวลงมาในครึ่งหลังในแมตช์แรก แต่น่าเสียดายที่ผลการแข่งขันแพ้ กรีซ 1-2

 จากนั้น โปรตุเกส เดินหน้าเก็บชัยชนะทุกเกมจนกระทั่งทะลุสู่นัดชิงชนะเลิศ รวมทั้งเกมที่ชนะจุดโทษ อังกฤษ ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย พวกเขากลายเป็นชาติเจ้าภาพครั้งแรกที่ผ่านเข้าสู่รอบชิงยูโร นับตั้งแต่ปี 1984 แต่น่าเสียดายที่ตอนจบต้องเจ็บปวดทั้งประเทศ 

 กรีซ คว่ำ โปรตุเกส ด้วยสกอร์ 1-0 ในช่วงต้นครึ่งหลัง และเมื่อจบเกมทุกคนทั่วโลกได้เห็น โรนัลโด้ ร้องไห้เป็นวักเป็นเวร แต่นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างตำนานที่โลกไม่ลืม

คริสเตียโน่ โรนัลโด้, โปรตุเกส, บอลยูโร,

ยูโร 2008 : ก้าวสู่ความเป็นดาวจรัสแสง

ลงสนาม 3 เกม, ยิง 1 ประตู กับ 3 แอสซิสต์

 ปี 2008 ความคาดหวังในตัว โรนัลโด้ ยังไม่ได้สูงมากนัก เขามาเล่นในทัวร์นาเมนต์นั้นในฐานะนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอ, ดาวซัลโวสูงสุดพรีเมียร์ลีก จำนวน 31 ประตูจากการเล่น 34 เกมในลีก และเจ้าพรีเมียร์ลีก กับ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ พร้อมกับได้บัลลง ดอร์ สมัยแรก

 โปรตุเกส เป็นทีมที่แข็งแกร่งกว่าเมื่อ 4 ปีก่อน แม้ผลงานจะเข้าไปในรอบลึกๆ ทั้ง เวิลด์ คัพ 2006 และยูโร 2004 แต่คอลูกหนังทั่วโลกให้ความสนใจเด็กหนุ่มได้รับการเชิดชูว่าเป็นแข้งที่เก่งที่สุดในโลก ที่จะนำพาประเทศบ้านเกิดเข้าสู่ยุครุ่งเรือง 

 "เฮียโด้" ลงเล่นตัวจริง 2 แมตช์แรกในรอบแบ่งกลุ่มที่พบกับ ตุรกี และ เช็ก พร้อมกับซัด 1 ประตูกับ 2 แอสซิสต์ การที่ทีมเก็บชัยชนะได้แบบนี้ทำให้ 11 ตัวจริงมีโอกาสได้พักในแมตช์สุดท้ายพบ สวิตเซอร์แลนด์ 

  กระนั้นพวกเขาต้องเจอกับศึกหนักในรอบก่อนรองชนะเลิศ เมื่อต้องดวลกับ เยอรมนี บทสรุปสุดท้าย โรนัลโด้ แอนด์ โค. ต้องอำลาทัวร์นาเมนต์ในปีนั้นไปอย่างรวดเร็ว 

 ช่วงเวลาดังกล่าวเกิดคำถามมากมายว่า "เขาเก่งจริงไหม ? เขาคว้าแชมป์กับสโมสรเท่านั้น และไม่เคยได้กับประเทศ ? นี่คือนักเตะชั้นยอดเหรอ ? เสียงวิจารณ์เกี่ยวกับ โรนัลโด้ เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ความผิดหวังที่เกิดขึ้นทำลายฤดูกาลที่ยิ่งใหญ่ของ โรนัลโด้ 

ยูโร 2012 : ผู้นำสุดแข็งแกร่ง

ลงสนาม 5 เกม, ยิง 3 ประตู*, ไม่มีแอสซิสต์

*คว้าดาวซัลโวร่วม  

 โรนัลโด้ ได้รับหน้าที่สำคัญในฐานะกัปตันทีมชาติโปรตุเกส หลังจากที่ผิดหวังเมื่อปี 2008 โดยเขากลายเป็นผู้นำทีมอย่างแท้จริง และยังเป็นนักเตะที่ดีที่สุดของประเทศบ้านเกิดเมืองนอน 

 ตอนนั้น โรนัลโด้ ย้ายไปเป็นสมาชิกของ เรอัล มาดริด ช่วงซัมเมอร์ปี 2009 และทัพ "ฝอยทอง" ต้องผิดหวังในศึกฟุตบอลโลก 2010 เนื่องจากแพ้ให้กับทัพ "กระทิงดุ" สเปน เพียงแค่ 0-1 เท่านั้นในรอบ 16 ทีมสุดท้าย

 เข้าสู่ยูโร 2012 ไม่มีอะไรต้องสงสัยเกี่ยวกับพรสวรรค์ โรนัลโด้ ซึ่งคว้ารางวัลส่วนบุคคลมากมาย แต่การนำทีมของเขาจะช่วยประเทศชาติไปตลอดรอดฝั่งหรือไม่ ? บทสรุปพวกเขาต้องแพ้จุดโทษให้กับ สเปน อีกครั้ง ยุติเส้นทางยูโร 2012 ในรอบรองชนะเลิศ

 เป็นอีกครั้งที่ โรนัลโด้ ต้องพบกับความผิดหวัง โดยเขาคือผู้นำทีมอย่างแท้จริง, เป็นนักเตะที่เก่งที่สุดของโปรตุเกส, ยิงประตูสำคัญๆ แต่สุดท้ายก็ความสำเร็จในระดับชาติก็ยังคงเป็นแค่ความฝันของเจ้าตัวต่อไป 

คริสเตียโน่ โรนัลโด้, โปรตุเกส, บอลยูโร,

 ยูโร 2016 : แชมป์ที่รอคอย

ลงสนาม 7 เกม, ยิง 3 ประตู กับ 3 แอสซิสต์ 

 เมื่อไหร่ก็ตามที่ สตาร์กองหน้าสโมสรอัล นาสเซอร์ ตัดสินใจแขวนสตั๊ด เขาจะได้รับการจดจำจากสถิติการยิงประตู, ท่าดีใจในรูปแบบต่างๆ , บุคลิก และการเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ 

 ความผิดหวังจากยูโร 2012 เปรียบเสมือนเชื้อเพลิงที่พุ่งพล่านอยู่ในหัวใจของ โรนัลโด้ โดยนับตั้งแต่นั้นเขาสามารถคว้าบัลลง ดอร์ สมัยที่ 4 จาก 5 ปี รวมทั้งการสอยแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 สมัย 

 สำหรับความสำเร็จส่วนตัวของ "ซีอาร์ เซเว่น" สวนทางกับผลงานของ โปรตุเกส เพราะพวกเขาต้องล้มเหลวไม่เป็นท่าเมื่อต้องตกรอบแบ่งกลุ่มศึกฟุตบอลโลก 2014 โดยมีคะแนนเท่ากับ สหรัฐอเมริกา แต่ประตูได้เสียเป็นรองทัพ "ลุงแซม"

 อย่างไรก็ตามพวกเขาได้ทะลุเข้าไปเล่นในรอบสุดท้าย ศึกยูโร 2016 แต่ผลงานในรอบแบ่งกลุ่มก็ไม่ได้ดีเด่อะไรเลย เมื่อทำได้เพียงเสมอ 3 เกม และมี 3 แต้ม พร้อมกับเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในฐานะอันดับ 3 ซึ่งต้องขอบคุณสองประตูของ โรนัลโด้ ในเกมเสมอ ฮังการี 3-3 

 แน่นอนว่าด้วยผลงานแบบนี้แฟนบอลเพื่อนร่วมชาติแทบไม่อยากคาดหวังว่าบ้านเกิดจะประสบความสำเร็จ แต่ฟุตบอลลูกกลมๆ อะไรก็เกิดขึ้นได้ เมื่อ โปรตุเกส คว้าชัยชนะเป็นว่าเล่น และทะลุเข้ารอบชิงชนะเลิศได้อย่างน่าเหลือเชื่อ

 กระนั้นพวกเขาต้องเจอกับศึกใหญ่เมื่อต้องดวลกับ ฝรั่งเศส เจ้าภาพ และแมตช์นี้ก็สู้กันได้อย่างสูสี แต่จุดเปลี่ยนสำคัญของเกมก็คือ โรนัลโด้ มีปัญหาบาดเจ็บจนต้องถูกเปลี่ยนตัวตั้งแต่กลางครึ่งแรก

 หลังจากนั้น โรนัลโด้ ได้สวมบทโค้ชคอยสั่งการอยู่ข้างสนามตลอดเวลา จนกระทั่งในช่วงต่อเวลาพิเศษนาทีที่ 109 เอแดร์ ซึ่งลงเล่นเป็นตัวสำรอง สวมบทซูเปอร์ซับซัดประตูชัยนำ "ฝอยทอง" คว้าแชมป์ระดับเมเจอร์เป็นครั้งแรกในหน้าประวัติศาสตร์ของโปรตุเกส 

 นี่คือการเติมเต็มความฝันของ โรนัลโด้ กับการคว้าแชมป์ระดับประเทศ และทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็นนักเตะที่เก่งที่สุดในโลกอย่างสมบูรณ์แบบ

ยูโร 2020 : จุดเริ่มต้นของความเสื่อมถอย

ลงสนาม 4 เกม, ยิง 5 ประตู* กับ 1 แอสซิสต์

*คว้ารางวัลดาวซัลโว 

 สำหรับ ยูโร 2020 ต้องเลื่อนการแข่งขันมาเล่นในปี 2021  เนื่องจากปัญหาการระบาดโควิด โดยในทัวร์นาเมนต์ครั้งนี้ โรนัลโด้ และเพื่อนร่วมทีมต้องพบกับความผิดหวังอีกครั้ง 

 ความสำเร็จเมื่อ 4 ปีก่อนทำให้ โรนัลโด้ สอยบัลลง ดอร์ สมัยที่ 5 เม่อปี 2017 และแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ ลา ลีกา ก่อนจะนำ โปรตุเกส ลุยศึกฟุตบอลโลก 2018 ซึ่งพวกเขาต้องช้ำอีกแล้ว เมื่อแพ้ อุรุกวัย ตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย 

 จากนั้นในยูโร 2020 โปรตุเกส ดวงแตกสุดๆ เมื่อจับสลากอยู่ในกลุ่มกรุ๊ป ออฟ เดธ  มีทั้ง ฝรั่งเศส, เยอรมนี และ ฮังการี สำหรับผลงานของทีมชนะ 1 เสมอ 1 และแพ้ 1 ได้ผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ในอันดับ 3 โดยมีเพียง 4 คะแนนเท่านั้น 

 โปรตุเกส จบยูโรรวมเจ้าภาพในรอบ 16 ทีมสุดท้ายเท่านั้น เมื่อโดน เบลเยียม เขี่ยตกรอบ หลังจากนั้นหลายคนเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับอนาคตของ "เฮียโด้" โดยมองว่านี่คือจุดจบของหนึ่งในนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลหรือไม่ ? แล้วเขาจะอยู่โลดแล่นในวงการลูกหนังอีกนานแค่ไหน ? 

ยูโร 2024 : ไม่ใช่จุดศูนย์กลางของความสนใจอีกต่อไป

 นี่จะเป็นครั้งแรกในอาชีพของ โรนัลโด้ ที่ไม่ใช่นักเตะคนสำคัญในทัวร์นาเมนต์ยูโร เพราะครั้งนี้มีนักเตะที่ได้รับการจับตามองไม่ว่าจะเป็น จู๊ด เบลลิงแฮม, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ และ ยามีน ลามาล กำลังพุ่งขึ้นมาอย่างร้อนแรงในโลกลูกหนัง

 ขณะที่ โรนัลโด้ อายุอานามปาเข้าไป 39 ปีแล้ว และหลายคนเริ่มมองว่าแม้สภาพร่างกายของนักเตะจะแข็งแกร่ง แต่อาจจะไม่สามารถยืนระยะการเล่นได้ทุกเกม และมีความเป็นไปได้ที่บางนัดเขาต้องยอมรับสภาพการเป็นตัวสำรอง

 สิ่งที่น่าสนใจสำหรับ โรนัลโด้ มีแค่เรื่องสถิติโดยการลงสนามแมตช์พบ สาธารณรัฐเช็ก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอฟ เมื่อวันอังคาที่ 18 มิถุนายน ทำให้เขาขึ้นแท่นเป็นนักเตะคนแรกที่โชว์ฝีเท้าในศึก ยูโร ถึง 6 ครั้ง พร้อมกับครองสถิติสูงสุดทั้งจำนวนเกมที่ลงเล่น (26 นัด) และจำนวนประตูที่ทำได้ (14 ลูก) ในทัวร์นาเมนต์ทวีปยุโรปด้วย 

 สำหรับ ยูโร 2024 อาจจะเป็นการลงสนามในนามทีมชาติครั้งสุดท้ายของ ตำนานแมนยู และ เรอัล มาดริด ก็ได้ แต่กระนั้นเขาอาจไว้ลายด้วยการสร้างสถิติใหม่ที่ยากจะมีผู้เล่นคนไหนจะทำลายได้ 

ทอมเม้ง


ที่มาของภาพ : gettyimages,
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport
X