สำหรับกลุ่ม บี ต้องยอมรับว่าแม้จะมีความสูสีกันมากๆ แต่หากมองชื่อชั้นและขุมกำลัง แน่นอนว่า สเปน ค่อนข้างได้เปรียบ และมีลุ้นที่จะคว้าแชมป์กลุ่มได้ อย่างไรก็ตาม อิตาลี แชมป์เก่าที่ฟอร์มอาจจะไม่ได้เปล่งปลั่งมากนักในรอบคัดเลือก แต่อาจจะสร้างผลงานดีมีคุณภาพเมื่อถึงเวลาที่ต้องลงสนามในรอบสุดท้าย ด้าน โครเอเชีย ถือเป็นทีมที่เต็มไปด้วยผู้เล่นประสบการณ์สูง และผ่านการสู้ร่วมกันมานานหลายปีซึ่งทำให้เล่นได้อย่างเข้าขารู้ใจ และเป็นจุดแข็งของพวกเขา ขณะที่ แอลเบเนีย แม้จะประสบการณ์น้อยแต่ด้วยแนวทางการเล่นร่วมกันเป็นทีม และเน้นเกมรับที่เหนียวแน่น อาจสร้างปัญหาให้กับคู่แข่งได้เช่นกัน
สเปน
ทัพ "กระทิงดุ" ไม่ประสบความสำเร็จกับทัวร์นาเมนต์ระดับชาติ 2 รายการติดต่อกัน โดยในศึกยูโร 2020 ต้องพลาดท่าแพ้การดวลจุดโทษทีมชาติอิตาลีในรอบรองชนะเลิศ ส่วนในมหกรรมเวิลด์ คัพ 2022 ต้องน้ำตารินอีกครั้งจากการพ่ายจุดโทษให้กับ โมร็อคโก ทีมม้ามืดในรอบ 16 ทีมสุดท้าย
สำหรับ ยูโร 2024 จะเป็นทัวร์นาเมนต์สำคัญที่จะได้วัดกึ๋นของ หลุยส์ เด ลา ฟูเอ็นเต้ ซึ่งเข้ามารับตำแหน่งต่อจาก หลุยส์ เอ็นรีเก้ เมื่อช่วงปลายปี 2022 และสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการนำชาติบ้านเกิดคว้าแชมป์กลุ่ม เอ ในรอบคัดเลือก ด้วยสถิติชนะ 7 แพ้ 1 เท่านั้น
เจ้าของแชมป์ยูโร 3 สมัย (1964, 2008, 2012) เป็นทีมที่มีความสมดุลทั้งในเกมรุกและรับ โดยสถิติในรอบคัดเลือกตะบันคู่แข่งไปถึง 25 ประตู และเสียแค่ 5 ประตูเท่านั้น ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีมาตรฐานในการครองเกมและการสร้างโอกาสได้เหนือกว่าคู่ต่อกร รวมทั้งยังมีความแข็งแกร่งในแผงหลังยากที่จะเจาะเข้าไปส่องประตูได้
ในกลุ่มนี้ สเปน ถูกยกให้เป็นเต็งหนึ่งก็ตาม แต่พวกเขามีงานช้างรออยู่นั่นก็คือการดวลกับ อิตาลี ซึ่งเคยทำให้น้ำตาตกเมื่อสี่ปีที่แล้ว และ โครเอเชีย ที่ได้ชื่อว่าเป็นชาติที่มีขุมกำลังชั้นยอดมากมาย ส่วน แอลเบเนีย แม้จะโดนมองว่าเป็นไม้ประดับแต่ก็อาจทิ่มแทงให้บาดเจ็บได้ถ้าประมาท
สตาร์ประจำทีม - โรดรี้
ผลงานของ โรดรี้ กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นเครื่องการันตีคุณภาพของนักเตะอยู่แล้ว โดยนี่คือห้องเครื่องสำคัญทัพ "เรือใบสีฟ้า" นับตั้งแต่ที่ย้ายจาก แอตเลติโก มาดริด มาเล่นในถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม เมื่อปี 2019
โรดรี้ มีบทบาทที่โดดเด่นอย่างยิ่งในแผงกองกลางของ แมนฯ ซิตี้ โดยเฉพาะ 2 ฤดูกาลที่ผ่านมาที่ช่วยนำทีมคว้าทริปเบิ้ลแชมป์เมื่อซีซั่นที่แล้ว และแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลล่าสุดซึ่งเป็นแชมป์ 4 สมัยติดต่อกันทีมแรกในหน้าประวัติศาสตร์ลูกหนังประเทศอังกฤษ
กองกลางวัย 27 ปีแข็งแกร่งในการครองบอล มีสายตาเฉียบคมและผ่านบอลได้แม่นยำ ที่สำคัญยังสามารถดันเกมขึ้นไปยิงประตูสำคัญได้หลายครั้ง แน่นอนว่า โรดรี้ เป็นผู้เล่นที่ทัพ "กระทิงดุ" ชุดนี้ขาดไม่ได้เลย
โอกาสเข้ารอบน็อกเอาต์ - 60 เปอร์เซนต์
โปรแกรมฟุตบอลยูโร 2024 ของทีมชาติสเปน
วันเสาร์ที่ 15 มิ.ย. พบ โครเอเชีย เวลา 23.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย)
วันพฤหัสบดีที่ 20 มิ.ย. พบ อิตาลี เวลา 02.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย)
วันจันทร์ที่ 24 มิ.ย. พบ แอลเบเนีย เวลา 02.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย)
++++++++++++++++++++++
โครเอเชีย
นับตั้งแต่ที่ ซลัตโก้ ดาลิช เข้ามากุมบังเหียนทีมชาติโครเอเชียเมื่อปี 2017 เขาสามารถสร้างทีมให้กลายเป็นชาติที่แข็งแกร่งโดยเฉพาะการคว้าตำแหน่งรองแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 และสอยอันดับ 3 เวิลด์ คัพ 2022 รวมทั้งรองแชมป์ศึกยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2023 ด้วย
ขณะที่ในเกม ยูโร 2020 ทัพ "ตาหมากรุก" ต้องเจอคู่แข่งที่แข็งแกร่งอย่าง สเปน ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายทำให้พวกเขาต้องโบกมือลาทัวร์นาเมนต์ไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็เหมือนสวรรค์เป็นใจเพราะทัพ "กระทิงดุ" ที่ทำให้เจ็บช้ำเมื่อ 4 ปีทีแล้วและในรอบชิง เนชั่นส์ ลีก ได้มาอยู่กลุ่มเดียวกันทำให้มีโอกาสได้แก้แค้น
สำหรับผลงานของ โครเอเชีย ในรอบคัดเลือกอาจจะไม่ค่อยสวยหรูนัก เมื่อทำได้เพียงจบอันดับ 2 กลุ่ม ดี โดยเป็นรอง ตุรกี เพียงแค่ 1 คะแนนเท่านั้น แต่กระนั้นด้วยขุมกำลังของทีมที่ค่อนข้างจะมีความเก๋าเกม และค้าแข้งอยู่ในลีกชั้นนำของยุโรป รวมทั้งเล่นร่วมกันมานาน น่าจะทำให้ทีมได้ประโยชน์จากจุดนี้
โครเอเชียชุดนี้มีจุดเด่นในแผงกองกลาง และเกมรับ ส่วนแนวรุกอาจจะต้องปรับปรุงอยู่บ้าง แต่ก็ยังอันตรายถ้าหากมีโอกาสได้จบสกอร์ ฉะนั้นเพื่อนร่วมกลุ่มถ้าหากเล่นผิดพลาดมีสิทธิ์โดยเจาะตาข่ายเอาได้ง่ายๆ
สตาร์ประจำทีม - ลูก้า โมดริช
คงไม่มีใครปฏิเสธว่านี่คือจอมทัพที่เก่งที่สุดของโครเอเชียยุคนี้ ผลงานที่เขาสร้างเอาไว้กับ เรอัล มาดริด เป็นเครื่องการันตีความยอดเยี่ยมได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการช่วย "ราชันชุดขาว" คว้าดับเบิ้ลแชมป์เมื่อฤดูกาล 2023/2024
แม้ตอนนี้ โมดริช จะอายุปาเข้าไป 38 ปีแล้วก็ตาม แต่พละกำลังยังคงมีเหลือเฟือ กระนั้นจุดเด่นของเขาก็คือมันสมอง และการผ่านบอลที่แม่นยำราวกับจับวาง ซึ่งนี่คือจุดที่อันตรายที่สุดที่คู่แข่งต้องระวังเอาไว้ให้ดี
สำหรับ ยูโร ที่ดินแดนไส้กรอก น่าจะเป็นทัวร์นาเมนต์ระดับชาติครั้งสุดท้ายของเขา และงานนี้แฟนบอล "โครแอต" คงได้เห็น โมดริช ระเบิดฟอร์มที่ดีที่สุดของเขาเพื่อนำบ้านเกิดเมืองนอนไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้แน่นอน
โอกาสเข้ารอบน็อกเอาต์ - 60 เปอร์เซนต์
โปรแกรมฟุตบอลยูโร 2024 ของทีมชาติโครเอเชีย
วันเสาร์ที่ 15 มิ.ย. พบ สเปน เวลา 23.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย)
วันพุธที่ 19 มิ.ย. พบ แอลเบเนีย เวลา 20.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย)
วันจันทร์ที่ 24 มิ.ย. พบ อิตาลี เวลา 02.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย)
++++++++++++++++++++
อิตาลี
อิตาลี ในฐานะแชมป์เก่า เกือบไม่ได้ป้องกันแชมป์ เพราะพวกเขาต้องเหนื่อยสายตัวแทบขาดในรอบคัดเลือก โดยได้ผ่านเข้ามาเล่นรอบสุดท้ายที่ประเทศเยอรมนีแบบอัตโนมัติ ด้วยผลต่างประตูได้เสียที่ดีกว่า ยูเครน เท่านั้น
ทัพ "อัซซูร์รี่" มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเมื่อ ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ เข้ามารับหน้าที่กุมบังเหียนแทน โรแบร์โต้ มันชินี่ ในเดือนสิงหาคม หลังนำ นาโปลี คว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา ฤดูกาล 2022/2023 โดยในช่วงแรก สปัลเล็ตติ ต้องใช้เวลาพอสมควรในการเปลี่ยนแปลงปรัชญาฟุตบอลของเขาให้เข้ากับทีมชาติ
ผลงานของ สปัลเล็ตติ อาจลุ่มๆ ดอนๆ ในช่วงแรกๆ แต่หลังจากนั้น อิตาลี ก็ค่อยๆ พัฒนาฟอร์มการเล่นได้อย่างต่อเนื่อง โดยในรอบคัดเลือกพวกเขาแพ้ให้กับ อังกฤษ เท่านั้น
สำหรับการยกพลบุกเมืองเบียร์ครั้งนี้ สปัลเล็ตติ เลือกผู้เล่นแบบผสมผสานโดยมีนักเตะมากประสบการณ์จากชุดแชมป์ยูโร 2020 กับแข้งสายเลือดใหม่ ที่จะมาช่วยผลึกกำลังป้องกันแชมป์ในปีนี้
สตาร์ประจำทีม - เฟเดริโก้ เคียซ่า
สปัลเล็ตติ สร้างทัพมะกะโรนีชุดนี้โดยเน้นการเล่นเป็นทีม ซึ่งการจะหาสตาร์ที่โดดเด่นค่อนข้างยาก แต่ถ้าหากเลือกมา 1 รายคงหนีไม่พ้น เฟเดริโก้ เคียซ่า แนวรุกคนสำคัญของ "ม้าลาย" ยูเวนตุส
ดาวเตะวัย 26 ปีเป็นหนึ่งในผู้เล่นสำคัญที่ช่วย อิตาลี คว้าแชมป์ยูโรเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ขณะที่ผลงานกับ ยูเวนตุส ก็ยังคงรักษามาตรฐานเอาไว้ได้ และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขามีชื่อพัวพันกับทีมยักษ์ใหญ่มากมาย รวมทั้ง "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ด้วย
แม้ว่าสถิติในการยิงประตูกับทีมชาติอิตาลี จะมีแค่ 7 ประตูจากการลงเล่น 46 เกม แต่นักเตะมีจุดเด่นในเรื่องการสร้างโอกาส และนี่คือปัจจัยสำคัญที่ สปัลเล็ตติ ต้องการจาก เคียซ่า
โอกาสเข้ารอบน็อกเอาต์ - 60 เปอร์เซนต์
โปรแกรมฟุตบอลยูโร 2024 ของทีมชาติอิตาลี
วันเสาร์ที่ 15 มิ.ย. พบ แอลเบเนีย เวลา 02.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย)
วันพฤหัสบดีที่ 20 มิ.ย. พบ สเปน เวลา 02.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย)
วันจันทร์ที่ 24 มิ.ย. พบ โครเอเชีย เวลา 02.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย)
++++++++++++++++++++++++
แอลเบเนีย
ซิลวินโญ่ เข้ามากุมบังเหียนเมื่อเดือนมกราคมปี 2023 และถือเป็นการเปิดศักราชใหม่ของทีมชาติแอลเบเนีย โดยกุนซือชาวบราซิเลียนสร้างทีมได้อย่างสุดยอดทำให้พวกเขาได้ทะลุเข้าไปสู่รอบสุดท้ายศึกยูโรเป็นครั้งที่ 2 ในหน้าประวัติศาสตร์ประเทศ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยทำได้เมื่อปี 2016
ตำนานฟูลแบ็กอาร์เซน่อล สามารถปั้นชาติเล็กๆ ให้กลายเป็นทีมสุดเซอร์ไพรส์ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ โดยในรอบคัดเลือกพวกเขามีอันดับเหนือกว่าทีมชั้นยอดอย่าง สาธารณรัฐเช็ก และ โปแลนด์
การคว้าแชมป์กลุ่ม อี พร้อมกับคว้าตั๋วเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายที่เมืองเบียร์แบบอัตโนมัติ ถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของ ซิลวินโญ่ อย่างแท้จริง และด้วยสไตล์การเล่นที่เน้นการช่วยเหลือกัน ถือเป็นจุดแข็งสำหรับ แอลเบเนีย
อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจก็คือ แอลเบเนีย ภายใต้การกุมบังเหียนของ ซิลวินโญ่ พวกเขาไม่เคยแพ้ใครเลยแม้แต่เกมเดียวหลังจากทำประตูขึ้นนำ ซึ่งเปิดขึ้น 6 แมตช์ติดต่อกันเลยทีเดียว
สตาร์ประจำทีม - อาร์มันโด้ โบรย่า
ถึงแม้ว่า แอลเบเนีย จะถูกมองเป็นเพียงไม้ประดับประจำกลุ่มก็ตาม แต่พวกเขาไม่ใช่คู่แข่งที่ชาติอื่นๆ จะประมาทเด็ดขาด เพราะขุมกำลังของทีมส่วนใหญ่ค้าแข้งในลีกชั้นนำของยุโรป และผู้เล่นที่อันตรายอย่างยิ่งก็คือ อาร์มันโด้ โบรย่า
หัวหอกวัย 22 ปีเป็นนักเตะของเชลซี ก่อนจะย้ายยืมตัวไปเล่นให้ ฟูแล่ม ในช่วงตลาดพ่อค้าแข้งรอบ 2 เดือนมกราคม แม้ โบรย่า อาจจะยิงประตูไม่ได้เยอะนักกับต้นสังกัด แต่ถือเป็นผู้เล่นที่ แอลเบเนีย ต้องพึ่งพาอย่างมาก
สำหรับในนามทีมชาตินั้น โบรย่า ซัดไป 5 ประตูจาก 20 เกม อาจจะดูน้อยนิดไปหน่อย แต่หากมองภาพรวมสำหรับแข้งที่อายุยี่สิบต้นๆ ถือว่าสอบผ่านเลยทีเดียว ที่สำคัญการผ่านประสบการณ์ดวลกับกองหลังชั้นนำในพรีเมียร์ลีก น่าจะช่วยยกระดับฝีเท้าของเขาพอสมควร
โอกาสเข้ารอบน็อกเอาต์ - 30 เปอร์เซนต์
โปรแกรมฟุตบอลยูโร 2024 ของทีมชาติแอลเบเนีย
วันเสาร์ที่ 15 มิ.ย. พบ อิตาลี เวลา 02.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย)
วันพุธที่ 19 มิ.ย. พบ โครเอเชีย เวลา 20.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย)
วันจันทร์ที่ 24 มิ.ย. พบ สเปน เวลา 02.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย)