ความพ่ายแพ้ของทีมชาติไทย ต่อเกาหลีใต้ 0-4 ไม่ใช่เรื่องผิดคาดแต่อย่างใด ด้วยมาตรฐานที่ห่างกันสุดกู่ บวกกับตัวผู้เล่นที่ช้างศึกขนไปเมืองหังโจว ก็ไม่ใช่ทัพใหญ่ เพราะนักเตะตัวหลักติดภารกิจกับต้นสังกัด
ทว่าสกอร์และรูปแบบการเล่นที่ออกมานั้นสะท้อนอะไรได้หลายสิ่งอย่างจริงๆ
สิ่งแรกเลยคือเรื่องการวางแท็กติกที่จัดตัวแบบ 'รอโดน' ขนานแท้
การให้ ยศกร บูรพา ศูนย์หน้าตัวเป้าโดยธรรมชาติ ถูกขยับออกไปเล่นด้านข้าง ซึ่งเข้าใจว่าโค้ชคงหวังใช้ความแข็งแกร่งไปตั๊นต์กับบรรดาผู้เล่นเกาหลีใต้ ที่รูปร่างใหญ่ทั้งนั้น พร้อมกับเลือก พิทักษ์ พิมแป้ ที่เป็นปีกความเร็วสูงไปยืนเป็นหัวหอก
แต่สิ่งที่ออกมาคือแทบไม่มีจังหวะที่เกมรุกไทย ได้โอกาสเข้าทำในครึ่งแรก หนำซ้ำการที่ตั้งใจเล่นเกมรับตั้งแต่วินาทีแรก ผลลงเอยคือโดนเจาะไปเน้นๆ 4 ประตู
ในครึ่งแรก เห็นได้ชัดเลยว่าผู้เล่นช้างศึกมีอาการหวั่นเกรงต่อเกาหลีใต้ อย่างชัดเจน มันจึงทำอะไรออกมาเก้ๆ กังๆ ไปหมด จะวิ่งก็วิ่งไม่สุด คนหนึ่งได้บอล ทว่าเพื่อนไม่ขยับ สุดท้ายเลยถูกฉกและเป็นทีมจากแดนโสมขาวที่ได้บรรเลงความสนุกอยู่ฝั่งเดียว
นอกจากทีมเวิร์กจะหายไป หลายๆ นักเตะของไทย ต่างก็เล่นกันผิดฟอร์ม จ่ายบอลสะเปะสะปะ แถมยังเกิดขึ้่นบ่อยอีกต่างหาก จนทำให้คู่แข่งที่มาตรฐานสูงกว่าอยู่แล้ว ทำอะไรก็ง่ายไปหมด
ครึ่งแรกจึงเป็น 'วัน เวย์' ของเกาหลีใต้ ที่เอาซะเหมือนซ้อมเกมบุกอยู่ฝ่ายเดียว
กระทั่งครึ่งหลัง อิสระ ศรีทะโร ถึงปล่อยของในการแก้เกมและปลุกสติลูกทีมให้กลับมาฮึกเหิมอีกครั้ง ซึ่งก็ตกยกเครดิตให้เขาไม่น้อย เพราะว่าฟอร์มการเล่นแตกต่างไปจาก 45 นาทีแรกโดยสิ้นเชิง
ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะเกาหลีใต้ เริ่มผ่อน มันจึงทำให้ไทย มีโอกาสมากขึ้น เพียงแต่ว่าเรื่องของความฟิต ยังไงเสีย พะยี่ห้อโสมขาวก็ไม่เป็นสองรองใครในปฐพี ซึ่งตรงจุดนี้เองที่ช้างศึก ถึงจะทำได้ดีกว่าครึ่งแรก แต่ก็ไม่สามารถตีไข่แตกได้สำเร็จ
ดังนั้นเรื่องของพละกำลัง จึงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นว่าถ้าต้องการก้าวไปสู่อีกระดับ คุณต้องฟิตให้ถึง 90 นาที แรงยังต้องดีอยู่ ไม่เช่นนั้นก็ไม่สามารถข้ามไปไกลได้กว่าที่เป็นอยู่
ส่วนเรื่องของแท็กติก ก็ต้องยอมรับว่า ฮวัง ซุน-ฮง กุนซือเกาหลีใต้ นั้นทำการบ้านมาเป็นอย่างดี แม้ว่าจะเจอไทย ซึ่งชื่อชั้นเป็นรองพวกเขา แต่แม่ทัพใหญ่ของโสมขาวก็ไม่ติดประมาท เพราะเกมรุกริมเส้นที่เป็นจุดเด่นของช้างศึก ถูกกดไม่ให้แผลงฤทธิ์ตั้งแต่ครึ่งแรก
ผลจากการปราชัยในนัดนี้ มองในแง่ดี มันทำให้เราได้เห็นจุดบกพร่องต่างๆ เพื่อนำกลับมาแก้ไข เพราะมันไม่ใช่แค่ในทัวร์นาเมนต์นี้ หากแต่หมายถึงระยะยาวว่า หากต้องการพัฒนาไปให้ไกลกว่าเดิม ก็ต้องปรับปรุงส่วนที่ยังเป็นจุดอ่อน แล้วค่อยไปสร้างในส่วนอื่นๆ ต่อไป
บนความพ่ายแพ้ มันก็ยังมีเรื่องดีอยู่บ้างเช่นกัน แต่ก็ขึ้นกับว่าจะนำสิ่งๆ นั้น มาแก้ไขแบบจริงๆ จังๆ หรือเปล่าเท่านั้นเอง
เพราะถ้ายังไม่ปรับเปลี่ยนหรือไม่ยอมรับความเป็นจริง ก็คงจะวนเวียนอยู่กับการเป็นแชมป์อาเซียน อยู่ร่ำไป
ชิกกะด้าว