บุรีรัมย์ 3 - 1 เมืองทอง และแชมป์ ไทยลีก ที่ขยับเข้าใกล้ขึ้นอีกนิด

ไทยลีก 2023-24 แมตช์เดย์ที่ 26 มี 'ซูเปอร์ บิ๊ก แมตช์' ถึงสองคู่ แต่ด้วยความที่สนาม ช้าง อารีน่า นั้นเป็นการเผชิญหน้าระหว่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับ เมืองทอง ยูไนเต็ด เปรียบเสมือนคู่แค้นตลอดกาล มันจึงทำให้แสงสปอตไลต์สาดส่องไปที่นั่นมากกว่า

   นี่คือการพบกันของ 2 สโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในสยามประเทศ ทั้งคู่ฟาดฟันกันมาหลายปี แม้ระยะหลังกิเลนผยองจะดร็อปลงไปพอสมควร แต่ไม่ว่าเจอกันที่ไหนหรือเมื่อใด มักจะมีประเด็นให้ถกเถียงอยู่ร่ำไป

   หนนี้ก็เช่นกัน...

   เจ้าถิ่นกำลังลุ้นแชมป์แบบสัปดาห์ต่อสัปดาห์กับ แบงค็อก ยูไนเต็ด โดยที่มีแต้มห่างจากบียู 3 คะแนน ขณะที่อาคันตุกะจากเมืองหลวงก็ฟอร์มร้อนแรงเหลือร้าย ชนะติดๆ กันในลีกมา 6 นัดรวด 

   สถานการณ์บนตารางคะแนนอาจจะแตกต่างกัน แต่อย่างที่แฟนฟุตบอลชาวไทย รู้กันดีว่าคู่นี้ยังไงก็เดือดแน่ๆ 

   โดยเฉพาะฝั่ง เมืองทอง ที่ปรารถนาจะหยุด บุรีรัมย์ ไม่ให้สะสมแต้มเพื่อเป็นบันไดสู่ตำแหน่งแชมป์ ดังนั้นพวกเขาจึงมาเยือนด้วยความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยมที่จะขัดขาปราสาทสายฟ้าให้ไม่ถึงฝั่งฝัน

   ทว่าการโดนนำ 2-0 ตั้งแต่ไม่ถึง 20 นาทีแรกของเกม มันทำให้งานของกิเลนผยองยากขึ้นหลายเท่าตัว

   เมื่อเทียบตำแหน่งต่อตำแหน่ง ต้องยอมรับว่า บุรีรัมย์ เหนือกว่าผู้มาเยือนอยู่ไม่น้อย แถมเกมนี้พวกเขายังส่งผู้เล่นต่างชาติลงพร้อมๆ กันถึง 7 คน โดยมีแข้งไทย เพียง 4 ราย คือ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน, ธีราทร บุญมาทัน, ศศลักษณ์ ไหประโคน และ ศุภชัย ใจเด็ด

   ที่เหลือคือโควตานอก, เอเชีย บวกด้วยอาเซียน สองรายอย่าง ดิออน คูลส์ กับ เจฟเฟอร์สัน ทาบินาส

    แม้จะรู้ว่าเป็นรอง แต่ทาง เมืองทอง ก็พยายามสู้อย่างเต็มที่ด้วยทรัพยากรที่มี บวกกับความมุ่งมั่นและมั่นใจในฟอร์มการเล่นระยะหลังที่ไม่แพ้ใครรวมทุกรายการ 10 เกม

   มิลอส ย็อคซิช และ อุทัย บุญเหมาะ 'โค้ชคู่' ของกิเลนยผองแก้เกมมาดีในครึ่งหลัง เพราะสามารถบุกกดดันจนไล่เหลือ 1-2 ในนาทีที่ 56 ทั้งยังมีโอกาสลุ้นประตูมากมาย โดยเฉพาะฟรีคิกของ วิลเลียน พ็อพพ์ ที่ชนคานเต็มๆ จนหวิดจะตีเสมอ

   หากลูกยิงของแนวรุกชาวบราซิล ตุงตาข่าย รูปเกมจะเปลี่ยนไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง

   เข้าใจได้ว่า บุรีรัมย์ น่าจะล้าพอสมควร เนื่องจากต้องเล่นถึง 120 นาที ในถ้วย รีโว่ คัพ ที่พบ ลำพูน วอร์ริเออร์ส เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ ซึ่งใช้ผู้เล่นชุดเดียวกันในแมตช์กับ เมืองทอง ถึง 7 คน

   สิ่งที่สะท้อนออกมาจึงเห็นได้ชัดว่าปราสาทสายฟ้าเร่งเกมของตัวเองไม่ขึ้น เพราะถูกทีมเยือนเพรสซิ่งหนักในครึ่งหลังจนเจียนไปเจียนมาอยู่หลายครั้งหลายครา

   กระทั่งจุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในนาทีที่ 78 กับจังหวะปัญหาว่ามันสมควรเป็นลูกจุดโทษหรือไม่

   ทีแรก วิศเวศ สังข์นคร ผู้ตัดสินที่ 1 ไม่ได้มองว่าเป็นจุดโทษ แต่พอมีสัญญาณจากห้อง VAR ส่งมา เขาจึงต้องพูดคุยเพื่อพิจารณาอยู่นาน

   กระทั่งต้องแล่นไปดูภาพช้าด้วยตนเอง ก่อนจะตัดสินใจให้จุดโทษแก่เจ้าถิ่น ท่ามกลางการประท้วงจากฝั่ง เมืองทอง ที่ไม่เห็นด้วยอย่างแรง

   มันเป็นจังหวะก้ำกึ่ง เนื่องจาก สถาพร แดงสี แบ็กซ้ายกิเลนผยองเองก็วิ่งไปหวังเล่นบอล เช่นเดียวกัน กีเญร์เม่ บิสโซลี่ กองหน้า บุรีรัมย์ ที่หวังชิงจังหวะให้ได้ 

   จากภาพช้าที่ออกมา มันคือการเบียดไหล่ต่อไหล่ เพียงแต่ผู้ที่ล้มลงไปคือแนวรุกปราสาทสายฟ้า และมันก็อยู่ที่ดุลยพินิจของผู้ตัดสินว่าจะมองเช่นไร ซึ่งเขาก็เลือกที่จะให้จุดโทษแก่เจ้าบ้าน จนเป็นที่มาของประตูหนีห่าง 3-1 

   แน่นอนว่าฝ่ายเสียผลประโยชน์อย่าง เมืองทอง นั้นต้องรู้สึกไม่พอใจ แต่เมื่อเกมจบลงแล้ว ก็ต้องยอมรับคำตัดสิน 

   4 ใบเหลืองในนัดนี้ถือว่าน้อยไปหน่อย เมื่อเทียบกับครั้งที่ผ่านๆ มาที่ว่อนสนาม ไม่เว้นกระทั่งใบแดง 

   แต่ดรามาที่มาแทนคือจังหวะจุดโทษนี่แหละที่คงจะต้องถกเถียงกันอีกพอสมควรในอีกหลายวันต่อจากนี้

   ท้ายที่สุด เมืองทอง ไม่สามารถทำให้ บุรีรัมย์ สะดุด เพราะสามแต้มที่พวกเขาได้มา ส่งผลให้นำห่าง แบงค็อก ไปถึง 6 คะแนน โดยที่แข่งมากกว่า 1 นัด ซึ่งเท่ากับว่าตอนนี้ความกดดันไปตกอยู่กับบียูที่จะลงสนามพบ ประจวบ เอฟซี ในวันจันทร์ที่ 29 เมษายน แบบเต็มๆ 

   ไม่ใช่งานง่ายของแข้งเทพแน่ๆ เพราะทีมต่อพิฆาตเองก็กำลังหนีตกชั้น แถมมีกุนซือจอมแท็กติกอย่าง สะสม พบประเสริฐ อีกต่างหาก

   บุรีรัมย์ 3 - 1 เมืองทอง และแชมป์ ไทยลีก ที่ขยับเข้าใกล้ขึ้นอีกนิด

ชิกกะด้าว


ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport