บรูโน่ แฟร์นันด์ส เดอะ แบก! 5 ข้อเกม แมนฯ ยูไนเต็ด บู๊ เชฟฯ ยูไนเต็ด

บรูโน่ แฟร์นันด์ส เดอะ แบก! 5 ข้อเกม แมนฯ ยูไนเต็ด บู๊ เชฟฯ ยูไนเต็ด
แมนฯ ยูไนเต็ด ทำเอาแฟนบอลหายใจไม่ทั่วท้องอีกตามเคยทั้งๆที่ได้ลงเล่นใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด ทำศึก พรีเมียร์ลีก เมื่อวันพุธที่ 24 เม.ย.ต้อนรับการมาเยือนของ เชฟฯ ยูไนเต็ด ทีมบ๊วย แต่ เอริค เทน ฮาก กุนซือดัตช์ที่เพิ่งโวยใส่สื่อหลังเกม เอฟเอคัพ รอบตัดเชือกเกือบได้ขายหน้าคาบ้านเนื่องจาก ผีแดง โดน ดาบคู่ ยิงประตูออกนำก่อนสองครั้งสองครา ดีที่ว่าเจ้าบ้านมาได้ยอดกัปตัน บรูโน่ แฟร์นันด์ส ระเบิดฟอร์มพาทีมแซงชนะได้สำเร็จด้วยสกอร์ 4-2

1. ผีปรับทัพสองจุดตามคาด

เทน ฮาก นายใหญ่ทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ปรับไลน์อัพสองรายเมื่อเทียบจากเกมล่าสุดที่เอาชนะ โคเวนทรี ในการดวลลูกโทษผ่านเข้าชิงชนะเลิศถ้วย เอฟเอคัพ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาได้อย่างเฉียดฉิว

เป็นไปตามความคาดหมายที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด กับ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ซึ่งบาดเจ็บ และถูกเปลี่ยนตัวออกในเกมที่ เวมบลีย์ ลงเล่นไม่ได้โดยรายแรกไม่มีส่วนร่วม ขณะที่รายหลังฟิตมากพอที่สามารถนั่งเป็นตัวสำรองได้

สำหรับนักเตะสองรายที่ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงเกมนี้ได้แก่ คริสเตียน เอริคเซ่น กับ อันโตนี่ โดยกองกลางทีมชาติ เดนมาร์ค ได้ออกสตาร์ตเป็นเกมแรกนับตั้งแต่แมตช์เสมอกับ สเปอร์ส 2-2 ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อเดือนม.ค.

อย่างไรก็ดี ผีแดง ไม่ชนะเกมลีกมานานสี่นัดติดต่อกันแล้วนับตั้งแต่เกมเปิดบ้านสยบ เอฟเวอร์ตัน 2-0 เมื่อวันที่ 9 มี.ค.

2. ดาบคู่ไร้หอกตัวเก่ง

เชฟฯ ยูไนเต็ด ประสบกับปัญหาปราศจาก โอลี่ แม็คเบอร์นี่ กองหน้าคนสำคัญซึ่งเจ็บกล้ามเนื้อลงเล่นไม่ได้

รวมแล้ว ดาบคู่ ของกุนซือ คริส ไวลเดอร์ ปรับโผตัวจริงสี่รายจากเกมล่าสุดที่เฝ้าบ้านพ่าย เบิร์นลีย์ ขาดลอย 4-1 โดย คาเมรอน อาร์เชอร์ ได้ลงเล่นเป็นกองหน้า

ขณะเดียวกัน เวส โฟเดอริงแฮม ได้เฝ้าเสาแทน อีโว เกอร์บิช ที่ตกไปนั่งข้างสนามเช่นเดียวกับ วินี่ ซูซ่า และ เจมส์ แม็คคาที โดยมี เมสัน โฮลเกต กับ อังเดร บรู๊คส์ ได้ออกสตาร์ต

นอกจากนี้ ทีมเยือนทำช็อกด้วยการมอบให้ โอลี่ อาร์บลาสเตอร์ กองกลางวัย 20 ปีรับภาระกัปตันทีมทั้งๆที่เขาลงเล่นเกม พรีเมียร์ลีก นัดนี้เป็นนัดที่แปดเท่านั้น

3.เกมรุกทื่อแบบตะโกน

แม้จะได้เสียวก่อนตั้งแต่วินาทีที่ 30 จากจังหวะสับไกของ ดีโอโก้ ดาโลต์ ที่ถูก โฟเดอริงแฮม ปัดข้ามคานได้ แต่ถัดจากนั้น ผีแดง แสดงให้เห็นถึงแบบแผนการเล่นเกมรุกที่ฝืดสนิทแม้จะมีโอกาสสับไกเป็นระยะ แต่ไม่ได้ใกล้เคียงต่อการได้ประตูสักเท่าไหร่เนื่องจากการเดินหน้าแบบไร้ไอเดียทำให้ฝ่ายตรงข้ามตั้งรับได้อย่างไม่เป็นปัญหา

แน่นอนว่าเจ้าบ้านครองบอลได้แทบฝ่ายเดียวโดยในช่วง 15 นาทีแรกพวกเขาเหนือกว่าอาคันตุกะ 79% และเพิ่มเป็น 83% เมื่อเกมดำเนินมาครบครึ่งชั่วโมง แต่เรื่องที่เลวร้ายคือทีมอสูรไม่มีทีเด็ดทีขาดที่จะเจาะไข่แดงทีม ดาบคู่ ได้ ซ้ำร้ายยังพลาดท่าปล่อยให้เสียความบริสุทธิ์ก่อนด้วยในนาทีที่ 35 จากจังหวะที่ อ็องเดร โอนาน่า ผ่านบอลสั้นให้ ดาโลต์ พลาดจนโดน เจย์เดน โบเกิ้ล ฉกไปซัดตุงตาข่าย

อย่างไรก็ดี ยังดีที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ทวงสกอร์คืนได้ก่อนหมดครึ่งแรกจากลูกโขกของ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ในนาทีที่ 42 ซึ่งส่งผลให้ทั้งสองทีมเสมอกัน 1-1 หลังจบ 45 นาทีแรกโดยทีมของ เทน ฮาก ครองบอลได้มากถึง 83:17% และได้ยิง 17 ครั้งเข้ากรอบ 7 ครั้ง ขณะที่ เชฟฯ ยูไนเต็ด ได้ยิง 3 ครั้งเข้ากรอบ 2 ครั้งซึ่งสะท้อนให้เห็นอีกตามเคยว่าเกมรุกของ เร้ด เดวิลส์ ไร้ซึ่งคุณภาพอย่างแท้จริง

นอกจากเกมรุกจะไม่เอาไหนแล้ว เกมรับของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เลวร้ายไม่แพ้กันเนื่องจากสกอร์ 1-1 ทำให้พวกเขามีผลต่างประตูได้เสียติดลบหนึ่ง แถมหากนับรวมทุกรายการในซีซั่นนี้ ผีแดง โดยสอยตาข่ายไปแล้ว 75 ประตูซึ่งเป็นสถิติที่สูงที่สุดในหนึ่งซีซั่นของสโมสรนับตั้งแต่ซีซั่น 1977/78 ซึ่งพวกเขาโดนกระทุ้งไปทั้งสิ้น 80 ประตู

4. แฟร์นันด์ส เดอะ แบก

กลับมาดวลกันต่อในครึ่งหลังได้แค่ห้านาที เกมรับของ ผีแดง ก็โดนทีมบ๊วยเล่นงานจนตาข่ายขาดอีกหน และต้องตกเป็นฝ่ายตามหลังอีกครั้งด้วยสกอร์ 2-1 จากประตูของ เบน เบรเนตัน ดิอาซ

ถึงตอนนี้ ผีแดง จึงเสียประตูในเกมลีกครบ 50 เม็ดแล้วจากการลงสนาม 33 นัด และเป็นซีซั่นที่สองในสามซีซั่นหลังแล้วที่พวกเขามีสถิติเลวร้ายดังกล่าว

อย่างไรก็ดี เจ้าบ้านยังไม่ชะตาขาดง่ายๆ และมาได้ลูกโทษในนาทีที่ 61 ซึ่งแน่นอนว่า บรูโน่ แฟร์นันด์ส สังหารไม่พลาดพาทีมตีเสมออีกหน 2-2

ในทางกลับกัน เชฟฯ ยูไนเต็ด ตาข่ายทะลุในเกมลีกซีซั่นนี้ครบ 90 เม็ดแล้วซึ่งเป็นผลงานที่ย่ำแย่ที่สุดของทุกทีมรายการนี้นับตั้งแต่มีการปรับลดทีมลงเหลือ 20 ทีมภายใต้ระบบ 38 นัด

จนในที่สุดก่อนหมดเวลา 10 นาที แฟร์นันด์ส  ก็แผลงฤทธิ์ตะบันจากหน้าเขตโทษตุงตาข่ายให้เจ้าบ้านพลิกแซงนำเป็นครั้งแรกของเกมด้วยสกอร์ 3-2 

และแล้วอีกห้านาทีต่อมา เจ้าบ้านก็คลายความกดดันลงไปได้เมื่อ แฟร์นันด์ส ตวัดบอลจากด้านขวาให้ ราสมุส ฮอยลุนด์ ปรี่เข้าซัดระยะเผาขนไม่พลาดพา แมนฯ ยูไนเต็ด หนีห่าง 4-2 

อย่างไรก็ดี หลังนำห่าง แมนฯ ยูไนเต็ด ถอยกลับมาตั้งรับตามนิสัย และทำให้กองเชียร์ขวัญหนีดีฝ่ออีกจนได้เนื่องจากเกือบเสียประตูคืนให้ทีมเยือนทั้งๆที่ความจริงแล้วเกมรับของตัวเองก็ไม่ได้เหนียวแน่นอะไร แต่ยังเลือกเน้นเกมรับหมายรักษาสกอร์ให้ได้เป็นพอ

หลังจบเกมซึ่งเจ้าบ้านกำชัย 4-2 สถิติเผยว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ครองบอลเหนือกว่า 72:28% และได้ยิง 25 ครั้งเข้ากรอบ 13 ครั้ง ขณะที่ ดาบคู่ ได้ส่อง 10 ครั้งเข้ากรอบ 4 ครั้ง

5. บ๊ายบาย เชฟฯ ยูไนเต็ด

แม้เหมือนจะมีลุ้นกำชัยหรือว่าเก็บหนึ่งแต้มที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ได้เป็นอย่างน้อย แต่ลงท้ายแล้ว เชฟฯ ยูไนเต็ด หนีไม่พ้นปราชัยด้วยสกอร์ 4-2 และจ่อกลับคืนสู่ แชมเปี้ยนชิพ ซีซั่นหน้าแทบจะแบเบอร์แล้ว

หลังเสียประตูให้ แมนฯ ยูไนเต็ด สี่เม็ด ดาบคู่ ตาข่ายทะลุในเกม พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้รวม 92 ลูกแล้วโดยที่อย่าลืมว่ายังเหลืออีกสี่เกมให้พวกเขาเสียประตูเพิ่มอีก

ต่อตัวเลขดังกล่าว ทีมของ ไวล์เดอร์ เสียประตูมากกว่า ลูตัน ทีมที่ตาข่ายทะลุมากเป็นอันดับสองของลีกในซีซั่นนี้ (75 ประตู) เพิ่มเป็น 17 ประตูแล้ว

จากการโดนถลุง 92 ประตู หมายความว่า ดาบคู่ เสียประตูมากที่สุดในเกม พรีเมียร์ลีก ระบบ 38 นัดเพราะแม้ สวินดอน กับ อิปสวิช จะเสียประตูมากกว่าที่ตัวเลข 100 ประตูในซีซั่น 1993/94 และ 93 ประตูในซีซั่น 1994/95 แต่ทั้งสองซีซั่นดังกล่าวฟาดเกือกกันในระบบ 42 นัด


ที่มาของภาพ : getty images
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport