จากปาฏิหาริย์กรุงเบิร์นสู่ไนกี้

ในฐานะแบรนด์ระดับโลกของคนเยอรมัน นับว่า อาดิดาส อยู่เคียงข้างความสำเร็จกับทีมอินทรีเหล็กมานานกว่า 70 ปีโดยเฉพาะแชมป์ฟุตบอลโลกสี่สมัยของทีมอินทรีเหล็ก แชมป์ยูโร 3 สมัย

จากนี้ในอีกสามปีข้างหน้า พวกเขาจะเปลี่ยนสัญลักษณ์จากสามขีดบนอกเสื้อให้เป็นเครื่องหมายถูก

ทำไมเดเอฟเบ  ถึงกล้าเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์

ผลประโยชน์ที่ได้รับมีมูลค่ามากขนาดไหน

เสียงสะท้อนจากทั้งประเทศเยอรมนี ออกมาอย่างไร

ณ...จุดเริ่มต้นปาฏิหารย์แห่งกรุงเบิร์น

-จุดเริ่มต้นของ 2 แบรนด์กีฬา

นักประวัติศาสตร์ลูกหนังเยอรมนี บอกว่า...จุดเริ่มต้นของทั้งสองแบรนด์ที่เชื่อมต่อผูกพันธ์จนกลายเป็นแบรนด์ระดับโลก ทั้งอาดิดาสและทีมฟุตบอลทีมชาติเยอรมนี คงต้องย้อนเรื่องราวไปยังฟุตบอลโลก 1954 โน่นเลย

บ้านดาสเลอร์ ร่วมกันรังสรรค์รองเท้ากีฬาในนาม "บ้านรองเท้า พี่น้องดาสเลอร์"

อดอล์ฟ พี่กับ รูดอล์ฟ ผู้น้อง ปี 1924 ก่อนแตกคอกัน จนแยกกันเดินสายธุรกิจ รองเท้า, เสื้อผ้ากีฬา

อดอล์ฟ ก่อตั้ง อาดิดาส ปี 1949 ที่ แฮร์โซเกนนอรัค เมืองขนาดเล็กนอก เนิร์นแบร์ก ในแคว้น บาวาเรีย ตะวันออกเฉียงใต้ของเยอรมนี เขาใช้ชื่อเล่น "อดิ" รวมกับดาส ที่มาจากนามสกุล ดาสเลอร์ ส่วนน้องชาย รูดอล์ฟ ไปตั้งบริษัทชื่อ ปูม่า จนกลายเป็นคู่แข่งแย่งชิงตลาดกันอย่างดุเดือดในยุคนั้นระหว่าง อาดิดาส กับ ปูม่า

ปี1952 โอลิมปิกที่ เฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของสัญลักษณ์สามขีดที่ อดอล์ฟ ซื้อจาก คาร์ฮู สปอร์ตส์ ผลิตภัณฑ์กีฬาของฟินแลนด์ 

ปี1954 อดอล์ฟ คือผู้ดูแลชุดแข่งของทีมชาติเยอรมนี (ต.ต.) ในนาม "Kit man" โดยเขาออกแบบรองเท้างานถนัดมีพื้น 6ปุ่ม ใช้สกรู ไข ปรับความยาวของปุ่มได้ อีก น้ำหนักเบา พัฒนามาจากรองเท้าวิ่งนั่นแหละ

ปีนั้นคือฟุตบอลโลกที่สวิสเซอร์แลนด์.... เยอรมนี กลับมาแข่งขันบอลโลกได้ หลังโดนแบนไปช่วงแพ้สงครามโลก 

ฟุตบอลโลกปี1954 นั้นทีมเต็งแชมป์คือ ฮังการี ในนามขุนพลแมกยาร์ ที่สร้างชุดนักเตะเก่งกาจถึงขั้นไปถล่มทีมอังกฤษต้นแบบฟุตบอลถึงเวมบลีย์ ยิง 6-7 ลูกคาบ้าน พอเข้าทัวร์นาเม้นต์ที่สวิสเซอร์แลนด์ รอบแรก กระหน่ำเยอรมนี ที่ เซปป์ แฮร์แบร์เกอร์ คุมทีมถึง 8-3 ก่อนที่เส้นทางจะมาบรรจบนัดชิงชนะเลิศที่กรุงเบิร์น 

ตอนนั้นทุกคนก็คาดกันว่า ฮังการี น่าจะคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก ด้วยขุนพลตัวรุกระดับทอปเฟเรนส์ ปุสกัส (ต่อมาย้ายไปเรอัล มาดริด) คอกซิช, ดาว ;ยิง ฮิเดกูติ และ ซีบอร์  

ท่ามกลางสภาพสนามที่ไม่เป็นใจ มีฝนตกก่อนแข่ง ฮังการี ออกนำเยอรมนี 2-0 ใน10นาที ทว่าจากพื้นสนามที่ถูกฝนกระหน่ำ กลายเป็นข้อได้เปรียบของเยอรมนีเมื่อ อาดิดาส ผลิตรองเท้าเพื่อใช้ในครั้งนั้น น้ำหนักเบา, สามารถปรับปุ่มสตั๊ดได้ รองเท้าจึงเกาะพื้นสนามได้ดีกว่านักเตะฮังการี เมื่อเกมผ่านไป

รองเท้าอาดิดาส ถือว่าเป็นตัวช่วย ก่อนที่เยอรมนี ยิงตีเสมอจนแซงชนะฮังการี 3-2 คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกไปครอง  จนกลายเป็นที่มาของ ปาฏิหารย์ กรุงเบิร์น ที่ไม่มีใครคิดว่า ทีมอินทรีเหล็กจะล้มฮังการี ยอดทีมในตอนนั้นได้

นั่นคือแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งแรก.....และโลกรู้จักชื่อ อาดิดาส ครั้งแรกเช่นกัน

ปี 1972 โลกได้ต้อนรับ สัญลักษณ์ใบไม้สามใบอันเป็นโลโกของ อาดิดาส ที่เรียกว่า  The Trefoil logo ในโอลิมปิก 1972 ที่มิวนิค  ส่วนทีมบอลชุดแชมป์ยูโร 72 ยังไม่ได้ใช้สัญลักษณ์นี้ แต่อาดิดาส ผลิตชุดให้ใช้แข่งขัน

จากนั้นแชมป์ฟุตบอลโลกปี 1974 แชมป์ยูโร 1980 แชมป์ฟุตบอลโลก 1990 แชมป์ยูโร 1996 และแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่สี่ 2014  ภายใต้สัญลักษณ์ของ อาดิดาส นั่นเอง

อาจกล่าวได้ว่า อาดิดาส และทีมบอลอินทรีเหล็กเคียงข้างกันมานับจากฟุตบอลโลกปี 1954 นั่นเอง

-ทำไมเดเอฟเบ เลือก ไนกี้

ที่เขียนมานั้นคือความเป็นมาของสองแบรนด์ที่เกิดขึ้นมาพร้อมกัน 

อาดิดาส กับ ทีมฟุตบอลอินทรีเหล็กที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก จนถึงเวลาที่ต้องแยกทางกันเดิน เมื่อสหพันธ์ฟุตบอลเยอรมนี ประกาศว่า เมื่อสิ้นสุดสัญญากับอาดิดาสในศึกฟุตบอลโลกปี 2026 ทีมชาติเยอรมนี จะใช้ผลิตภัณฑ์กีฬา ไนกี้แทน 

ทางเดเอฟเบ ประกาศข่าวนี้หลังจากอาดิดาสเปิดตัวชุดแข่งทีมชาติเยอรมนี 2 วันเอง...

อะไรคือเหตุผลในการเปลี่ยนชุดแข่งจาก อาดิดาส แบรนด์ที่เป็นสัญลักษณ์ของคนเยอรมนี และฟุตบอลเยอรมัน 

คำตอบง่ายมาก.... "เงินสนับสนุน" ที่มากกว่ากันถึงสองเท่า

แม้เดเอฟเบ ไม่เผยตัวเลข แต่สื่อมวลชนเยอรมันระบุว่า ไนกี้ จะให้เดเอฟเบปีละ 100 ล้านยูโร ตั้งแต่ปี2027-2034 

เดเอฟเบ ระบุว่าด้วยงบประมาณที่จำกัดลงจากความล้มเหลวของทีมชาติเยอรมนี ในฟุตบอลโลก 2018,2022 ที่ตกรอบแรกสองครั้งติดต่อกัน รายได้ลดลงเหลือ 27 ล้านยูโร เมื่อเทียบกับรายได้จากทัวร์นาเม้นต์ที่เข้ารอบรองชนะเลิศทั้งยูโรและฟุตบอลโลกจนถึงแชมป์ปี 2014 ก่อนหน้านั้นมีรายได้มากกว่าถึงสามเท่า 

นั่นรวมทั้งงบประมาณก่อสร้างที่ตั้งสหพันธ์ฟุตบอลเยอรมนี แห่งใหม่ที่แฟร้งค์เฟิร์ต ซึ่งเปิดใช้ไปเมื่อปี 2022 นั้นงบบานปลายถึง 180 ล้านยูโร เดิมกำหนดไว้ที่ 80 ล้านยูโร นอกจากนี้เดเอฟเบ ยังใช้งบประมาณพัฒนารากหญ้าฟุตบอลเยอรมนี

สโมสรสมัครเล่นและกึ่งสมัครเล่นถึง 24,000 สโมสรทั่วประเทศ

นักเตะที่ลงทะเบียน 2.2 ล้านคน

ผู้ตัดสิน55,000 คน 

ทั้งหมดมีค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น

เดเอฟเบ แถลงการณ์ชัดเจน....การเปลี่ยนแบรนด์จากอาดิดาส เป็นไนกี เพราะ ไนกี้ ให้เงินสนับสนุนสหพันธ์มากกว่านั่นเอง

โดยเมื่อปี 2006 ไนกี้ เคยยื่นข้อเสนอมาก่อนแล้ว ให้มากกว่าด้วย แต่ ทีมบาเยิร์น มิวนิค ไม่ยอม และขู่ไม่ส่งนักเตะเล่นทีมชาติ เพราะ อาดิดาส มีหุ้นในทีมบาเยิร์น 8%  แต่วันนี้ สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ทั้งทีมชาติเยอรมนี และ อาดิดาส เองประสบภาวะขาดทุนและล้มเหลวในการทำธุรกิจ เลยต้องมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น

ถึงขั้นที่ อาดิดาส ยกเลิกสัญญากับ แรพเพอร์ ชื่อดัง  Kenye West  หรือ  Ye แต่นั่นเพราะมีเหตุผลรองรับเนื่องจากกระแสต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติของ kanye ที่เหยียดและต่อต้านคนยิว...

เรื่องนี้กระทบความรู้สึกคนเยอรมนี เข้าเต็มๆ อาดิดาส ไม่มีทางเลือกจึงต้องยุติการเป็นพันธมิตรกับ Ye ในท้ายที่สุด แต่เที่ยวนั้นนักวิเคราะห์ธุรกิจกีฬา ชี้ว่า...อาดิดาส ได้จังหวะพอดีในการลดงบประมาณในส่วนนี้ตามน้ำไปเลย.....

-เสียงสะท้อนเชิงลบ

คราวนี้เสียงสะท้อนในการเปลี่ยนจาก อาดิดาส เป็นไนกี้

 ลองนึกภาพ "ทัวร์ลง" ดูนะครับ ตั้งแต่ระดับ รัฐมนตรี ,จนถึงสื่อมวลชนเยอรมัน

โจมตี เดเอฟเบ เละ

เหตุผลหลักๆที่โจมตีคือ การเสียอัตลักษณ์ของบอลเยอรมนี ไปจากเดิม เมื่อไปใช้ยี่ห้ออื่น โดยเฉพาะคู่แข่งอย่างไนกี้ 

เรื่องนี้...มองต่างมุมชัดเจน

เดเอฟเบ ใช้เหตุผลเรื่องการเงินสนับสนุนสหพันธ์มาเป็นตัวกำหนด 

มันก็ชัดอยู่ ขณะที่ผู้คนในเยอรมันมองในมุมที่ทีมชาติเยอรมนีสูญเสียตัวตนของพวกเขาไปเมื่อไม่มี สามแถบของอาดิดาส ที่อยู่คู่ความสำเร็จมาตลอด 70 ปี

ที่สำคัญ เมื่อเรามอง อาดิดาส กับทีมชาติเยอรมนี รอบ 10 ปีที่ผ่านมานี้ 

เราคงมองเห็นถึงความถดถอยของทั้งสองแบรนด์ได้ชัด

อาดิดาส ยอดกำไรลดลงชัดเจนในหลายปีที่ผ่านมา

ทีมชาติเยอรมนี ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการแข่งขันฟุตบอลระดับชาติ

ถึงขั้นตกรอบแรกในฟุตบอลโลกสองสมัยติด รายได้หาย รายจ่ายเพิ่มขึ้น เดเอฟเบ จึงไม่มีทางเลือก....

จากอาดิดาส แบรนด์คู่บุญทีมอินทรีเหล็กจึงกลายเป็นไนกี้ มหาอำนาจผลิตภัณฑ์ชุดแข่งกีฬาระดับโลกที่ทุ่มเงินเพื่อเข้าไปกระชากกล่องดวงใจชาวฟุตบอลเยอรมนี ออกมา

เรื่องที่เข้าใจไม่ยากในโลกธุรกิจการกีฬาเพียงแต่ในความรู้สึกแล้วนั้น  ชาวเยอรมนี คงต้องยอมทำใจยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ในอีกสามปีข้างหน้าอย่างชาชิน

ไม่ว่าทีมชาติอินทรีเหล็กจะกลับมามีความสำเร็จหลังจากนั้น....หรือไม่

เราน่าจะได้เล่าเรื่องจุดเปลี่ยนแห่งประวัติศาสตร์

เหมือนเมื่อครั้ง  "ปาฏิหาริย์แห่งกรุงเบิร์น" อย่างแน่นอน

JACKIE


ที่มาของภาพ : DFB_Team
BY : JACKIE
อดิสรณ์ พึ่งยา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport